ส่อง BEM-BTS
2 หุ้นรถไฟฟ้ารับโหมดเปิดเมืองสัญญาณการระบาดโควิด-19 ที่เริ่มผ่อนคลายลง โดยรัฐบาลเตรียมแผนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 พ.ย. และเปิดให้คนไทยกลับมาใช้ชีวิตปกติ ภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ New Normal ถือเป็น Sentiment เชิงบวกต่อการลงทุน หุ้นธีมเปิดเมือง
Bull&Bear นำเสนอหุ้นธีมเปิดเมือง โดยโฟกัสเฉพาะ 2 หุ้นขนส่งรถไฟฟ้า BTS และ BEM ที่นักวิเคราะห์มองกันว่าจะทำให้กิจกรรมการเดินทางในกทม.จะฟื้นตัว มาให้นักลงทุนเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน
.
เริ่มจาก BEM หรือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการทางพิเศษ และระบบขนส่งมวลชนด้วยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง
.
โดยเมย์แบงก์ กิมเอ็ง มองว่า ไตรมาส 3/64 เป็นช่วงจุดต่ำสุดของวิกฤตโควิด 19 จากมาตรการล็อคดาวน์เกือบทั้งไตรมาส ทำให้ปริมาณผู้ใช้รถไฟฟ้าและทางด่วนลดลง จึงคาดว่าจะมีกำไรแค่ 33 ล้านบาท ลดลง 83.4% QoQและ 96.0%YoY แต่จะกลับมาฟื้นตัวอย่างเด่นชัดในไตรมาส 4/64 จากการเปิดเมือง ทำให้เริ่มเห็นการเดินทางเพิ่มขึ้น
.
จากปัจจัยหนุน 1) ระดับของผ่อนคลายเพิ่มเติมมากขึ้น 2) การเริ่มเปิดเทอมในบางพื้นที่ และ 3) การเปิดรับนักท่องเที่ยวมายัง กทม. ซึ่งจะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิ จะมีผู้ใช้มากขึ้นส่งผลดีต่อทางด่วน Sector D ซึ่งส่งผลต่อปริมาณรถในภาพรวมของ BEM ราว 16% ในสภาวะปกติ
.
และคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องไปเรื่อย โดยในปี 2565 จะเห็นการฟื้นตัวของกำไรเพิ่มขึ้น 160.2% YoY เป็น 2.6 พันล้านบาท และจะไปทำสถิติใหม่ในปี 2566 ที่ 3.4พันล้านบาท เติบโต 29.6% YoY
.
ซึ่งจะทำให้P/E ลดลงอย่างรวดเร็วจาก 137.4 เท่าในปีนี้ ไปสู่ 40.7 เท่าในปี 2566
.
ยิ่งไปกว่านั้น ราคาหุ้น BEM ยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนการระบาดถึง 19% ขณะที่หุ้นเปิดเมืองส่วนใหญ่กลับมาอยู่ในจุดเดิมแล้ว
.
โดยฝ่ายวิจัยให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 11.62 บาท
.
สำหรับปัจจัยเสี่ยงของ BEM มีอยู่เรื่องเดียวคือ การแพร่ระบาดซ้ำอีกรอบ
.
ด้านบล.หยวนต้า มองว่าBEM ได้เวลาฟื้นตัวแบบ V-Shape จากผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าอยู่จุดต่ำสุดในไตรมาส 3/64 แต่จะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 4/64 และจะฟื้นตัวเด่นตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไปตามพัฒนาการฉีดวัคซีนโควิด-19 ภายในประเทศ และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
.
โดยคงคำแนะนำ "ซื้อ" ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมเป็น 11.30 บาท
.
Upside Risk ในระยะสั้น-กลางที่ยังไม่รวมในประมาณการ ได้แก่ 1) การประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม-ตะวันตก 2) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) 3) การสร้างและดำเนินงานทางด่วน Double Deck ที่อยู่ระหว่างการศึกษา EIA และ 4) โอกาสในการ Spin-off บริษัท BMN เข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตความเสี่ยงสำคัญได้แก่ 1) จำนวนผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์ และ 2) การประมูลโครงการรถไฟฟ้าของภาครัฐที่ล่าช้า
.
มาดู BTS หรือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที
.
บล.กรุงศรี คาดการณ์ว่ากำไรไตรมาส 2/64 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ผลจากการดำเนินงานบริษัทลูกแย่ลง โดยเฉพาะ VGI และ BTSGIF โดยทั้งสองบริษัทมีรายได้ลดลงจากการลอคดาวน์ อย่างไรก็ตาม เริ่มมีการผ่อนคลายลอคดาวน์และโอกาสที่จะเริ่มการเรียนในโรงเรียนใน พ.ย. 2021 จึงคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวได้แข็งแกร่งในไตรมาส3/64 และต่อเนื่องไปยังไตรมาส4 และปีหน้า โดยมีการฟื้นตัวของ VGI และ BTSGIF เป็นปัจจัยหนุน
.
โดยมองราคาเป้าหมายไว้ที่ 14 บาท จากธีมการฟื้นตัวจากการปรับโครงสร้างค่าโดยสาร โดยการยกเลิกบัตรโดยสารราคาต่ำ (แบบ 30 วัน) และการปรับโมเดลธุรกิจของบริษัทลูก ผ่านการลงทุนใน Jaymart สะท้อนกำไรปี 2565 อาจสูงกว่าระดับก่อนโควิดในปี 2563 การขยายสัญญาสัมปทานสายสีเขียวจะเป็นอัพไซด์
.
ส่วนบล.บัวหลวง มองว่า ผลประกอบการ ไตรมาส 2/64 (ก.ค.-ก.ย.64) มีแนวโน้มอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากประเด็นปิดแคมป์ก่อสร้างและล็อกดาวน์ แต่น่าจะฟื้นตัวได้ไตรมาส3/64(ต.ค-ธ.ค.64) และหากมีความคืบหน้าเรื่องการค้างชำระค่าเดินรถของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ก็น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้น โดยให้ราคาเป้าหมายสูงสุดไว้ที่ 13.60 บาท