โบรกเกอร์คาด ผลประกอบการไตรมาสแรก กลุ่มผู้ให้สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ รวมกัน 3,460 ล้านบาท ลดลง 6%จากปีก่อน เหตุค่าธรรมเนียมการเก็บหนี้ที่ลดลง และค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ เป็นปัจจัยกดดันการเติบโตของกำไร ยก TIDLOR โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย คาดการณ์กำไรไตรมาส 1/65 กลุ่มผู้ให้สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ 5 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)
หรือ MTC บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK และบริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ HENG แม้ความต้องการสินเชื่อยังคงแข็งแกร่ง แต่ค่าธรรมเนียมการเก็บหนี้ที่ลดลง และค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่สูงขึ้น จะกดดันการเติบโตของกำไรในไตรมาส 1/65 ทำให้คาดทั้งกลุ่มจะมีกำไรรวมกัน 3,460 ล้านบาท ลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

โดยTIDLOR กำไรแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม คาดว่าจะมีกำไร 900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่น และเติบโต 13%เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า 

ส่วน SAK แม้ไตรมาสแรกปีนี้ คาดจะมีกำไร 175 ล้านบาท เติบโตถึง 48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ลดลง 6%

ขณะที่ HENG ไตรมาสนี้คาดจะมีกำไร 74 ล้าน เพิ่มขึ้น 22%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ลดลงถึง 44%

ส่วน SAWAD คาดว่าจะมีกำไร 1,094 ล้านบาท ลดลง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 4%เมื่อเทียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

MTC คาดว่าจะมีกำไร 1,217 ล้านบาท ลดลง 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 11%เมื่อเทียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

คาดว่าผลการดำเนินงานกลุ่มผู้ให้สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 4/64 ฝ่ายวิจัยจึงยังคงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มธุรกิจการเงิน โดยมี TIDLOR เป็นหุ้นที่โดดเด่นในกลุ่ม เนื่องจาก 1. กำไรไตรมาส 1/2565 ที่คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ 2. กำไรที่คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 25% ในปี 2565 และ 3. แพล็ตฟอร์มธุรกิจที่ให้การเข้าถึงและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าได้ดีขึ้น ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์เพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง 

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยได้ปรับลดราคาเป้าหมายของ TIDLOR ลงเหลือ 46 บาท จากผลกระทบการเพิ่มทุน( dilution effect) จากการจ่ายหุ้นปันผลในอัตราส่วน 13:1 ที่จะจ่ายในวันที่ 20 พ.ค. 2565