หุ้น HANA ราคาปรับเพิ่มขึ้น 7.51% ในช่วงเช้า หลังโบรกเกอร์ปรับเพิ่มประมาณการกำไรในปี 65 ใหม่ หลังแนวโน้มธุรกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น
หุ้น HANA ราคาพุ่งขึ้น 7.51% มาอยู่ที่ 93.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 804.80 ล้านบาท เมื่อปิดตลาดในช่วงเช้า โดยเปิดตลาดที่ 87.25 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 93.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 87.25 บาท
บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ฯ แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA) ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 105.00 บาท จาก 85.00 บาท จากการปรับกำไรสุทธิปี 65 ขึ้น และปรับ PER ขึ้นเทียบเท่า Global peer โดยบริษัทรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 3/64 ที่ 564 ล้านบาท (+76% YoY, -24% QoQ) โดยหากหักขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และรายการพิเศษอื่นออก core profit อยู่ที่ 701 ล้านบาท (+92% YoY, -9% QoQ) เป็นไปตามคาด
จากรายได้สกุล USD อยู่ที่ 190 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+23% YoY,-2% QoQ) เติบโต YoY จากยอดขายในทุกหน่วยงานที่เติบโตได้ดีทั้งหมดโดยเฉพาะจากหน่วยงานที่ประเทศจีนในส่วนของธุรกิจ IC ที่มีอัตราการเติบโตในระดับสูง รวมถึงในช่วงไตรมาส 3/64 ได้อานิสงส์จากบาทอ่อน ขณะที่ยอดขายสกุล USD ลดลง QoQ เป็นผลมาจากผลจากโควิด-19 ในประเทศไทยกระทบกำลังการผลิตโรงงานที่อยุธยาและลำพูน นอกจากนี้ Gross margin ยังทรงตัวในระดับสูงที่ 15.6% จากเงินบาทอ่อนค่าและ economies of scale
อย่างไรก็ดี คงประมาณการกำไรสุทธิปี 64 อยู่ที่ 2,456 ล้านบาท (+29% YoY) และปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ขึ้น +5% อยู่ที่ 2,873 ล้านบาท (+17% YoY) จากปรับ gross margin ปี 65 ขึ้นเป็น 15.0% จาก 14.5% สะท้อนแนวโน้ม product mix ของธุรกิจ high margin ที่มากขึ้นในปี 65 อีกทั้งคงประมาณการรายได้ปี 64/65 อยู่ที่ 23,113 ล้านบาท (+20% YoY) และ 28,176 ล้านบาท (+22% YoY)
ด้านราคาหุ้น outperform SET +21%/+9% ในช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านจากความคาดหวังในนโยบายรถยนต์ของประเทศไทย และผลการดำเนินงานของกลุ่ม electronic บริษัทอื่นที่ออกมาดีทั้งหมด โดยชอบ HANA จากแนวโน้มการเติบโตของบริษัทในระยะยาวยังอยู่ในช่วงขาขึ้น จากทั้งในส่วนของภาพรวมอุตสาหกรรมชิ้นส่วน electronic และการรุกเข้าสู่ธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูงที่อยู่ในเทรนด์โลกได้แก่ EV car และ RFID tag พร้อมประมาณการรายได้ปี 64/65 อยู่ที่ 23,113 ล้านบาท (+20% YoY) และ 28,176 ล้านบาท (+22% YoY)
ด้าน บล.เอเชียเวลท์ ปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 91 บาท พร้อมปรับคำแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น “เก็งกำไร” จาก Upside ที่เริ่มจำกัดอิง PER 24 เท่า โดยมีมุมมองบวกจาก 1) การขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในโรงงานเจียซิง และโรงงานในสหรัฐฯ เพื่อหนุนดีมานด์ที่มากขึ้น และ 2) แผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ Silicon Carbide (SiC) ของบริษัทย่อย Power Master Semiconductors (PMS) ในประเทศเกาหลีใต้ ที่มีจุดเด่นในด้าน Power Conversion สำหรับ Cloud Computing, EV และ Industrial Application ซึ่งได้รับผลตอบรับดีจากลูกค้า ดดย PMS ได้มีการเซ็นสัญญากับบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าในเกาหลีใต้แล้ว และจะเริ่มรับรู้รายได้บางส่วนในปี 65
-------------------------
ติดตามข่าวสาร ความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่
Facebook : Clubhoon
Website : www.Clubhoon.com
Twitter : www.twitter.com/Clubhoon1