แนวโน้มตลาดวันนี้(7 พ.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดติดตามการแถลงของธนาคารกลางจีนPBOC ตลาดคาดหวังเครื่องมือการเงินใหม่และมาตรการกระตุ้นด้านเทคโนโลยี การค้าภายในประเทศและการบริโภคเพื่อชดเชยผลกระทบจากการส่งออก ทิศทางตลาดที่ผ่านมามีช่วงชะลอตัวลง + พักฐานมา 2 วันเริ่มมีโอกาสชะลอการปรับตัวลง หรือ ดีดกลับสั้นได้ ประเมินแนวรับอยู่ที่ 1180 และ 1175 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1195 และ 1205 จุด
ประเด็นสำคัญ
• ธนาคารกลางจีนเตรียมแถลง “มาตรการการเงิน” ธนาคารกลางจีน (PBOC), สำนักงานกำกับดูแลการเงินแห่งชาติ (NFRA) และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์จีน (CSRC) จะแถลงข่าวในเช้าวันนี้ ตลาดคาดว่าอาจมีมาตรการเงินใหม่
• สก็อตต์ เบสเซนต์ รมว คลังสหรัฐ ประเมินว่า กล่าวต่อสภาคองเกรสเมื่อวันอังคารว่า รัฐบาลทรัมป์อาจประกาศข้อตกลงทางการค้ากับประเทศคู่ค้ารายใหญ่สหรัฐฯ ได้เร็วที่สุดภายใน “สัปดาห์นี้”
• พาณิชย์เผยเงินเฟ้อเม.ย. -0.22%YoY ลดลงครั้งแรกในรอบ 13 เดือน กดดันจากการปรับลงของราคากลุ่มพลังงานและอาหารบางรายการ ผักสดและไข่ไก่ คาดเงินเฟ้อ พ.ค. จะใกล้เคียง เม.ย.
• การประชุม ครม. วานนี้ไม่มีการพิจารณาดิจิทัลวอลเล็ตเฟสสาม
• “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ปรับใหม่ ลดจำนวนสิทธิเหลือไม่ถึง 1 ล้านสิทธิ แบ่งงบบางส่วนบูสต์ “ต่างชาติเที่ยวไทย” ดันให้ถึง 35.5 ล้านคนเท่าปีก่อน
• ที่ประชุม กพช. มีมติตรึงค่าไฟฟ้างวด ก.ย. - ธ.ค. 2568 ที่ราคา 3.99 บาท/หน่วย, สั่งชะลอการรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียนเพิ่มเติม ทั้งในส่วนที่ยังไม่ดำเนินการ 1,488.5MW และส่วนที่เหลือจากการรับซื้อ 2,180MW +ได้รับทราบความคืบหน้าโครงสร้างก๊าซฯ ใหม่
• ราชกิจจาฯ ประกาศกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ ให้ปรับขึ้นการเก็บภาษีจากน้ำมันสำเร็จรูป ทั้งประเภทเบนซินและดีเซลราว 0.80-1.00 บาท/ลิตร
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideways หลังตลาดอยู่ระหว่างรอความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐ และติดตามการประกาศผลประกอบการ 1Q68 ของหุ้น Real Sector ขณะที่การประชุมนโยบายการเงินของ FOMC คาดไม่มีผลต่อบรรยากาศลงทุนมากนัก หลังตลาดคาดจะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ดีมองความไม่ชัดเจนของนโยบายภาษีของสหรัฐที่มีต่อเศรษฐกิจโลกจะยังเป็นปัจจัยบั่นทอนความเชื่อมั่นที่มีต่อการเติบโตของผลประกอบการ 2Q68 ทำให้บรรยากาศลงทุนยังเป็นไปอย่างระมัดระวังและทำให้ SET ปรับขึ้นได้จำกัด โดยมีแนวต้าน 1215-1235 จุด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily top picks
PTT: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวและกำไรสุทธิ 1Q68 คาดจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง QoQ มาอยู่ที่ 2.3 หมื่นลบ. จากขาดทุน Fx ที่ลดลง อีกทั้งมีโอกาสได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่ประกาศวันนี้ นอกจากนี้มองเป็นหนึ่งในเป้าหมายของกองทุน ThaiESGX หลังมี SETESG Ratings “AAA”
KTB: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากมีโอกาสฟื้นตัวตามภาพรวมของตลาด และเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มธนาคาร โดยมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ มี LLR coverage สูง และคาดให้ Div. Yield น่าสนใจที่ระดับ 7.7% อีกทั้งคาดเป็นหนึ่งในเป้าหมายของกองทุน ThaiESGX หลังมี SETESG Ratings “AAA”