BIOTEC เปิดแผนธุรกิจปี 66 ตั้งเป้าโต 20% วางธุรกิจผลิตจำหน่ายไบโอดีเซล-กลีเซอรีน เป็น Flagship พร้อมลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนประเภท Solid-state battery เตรียมขอย้ายจากกลุ่มเดินเรือไปอยู่กลุ่มพลังงาน หลังสัดส่วนรายได้เปลี่ยน
คลับหุ้นได้มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณรุ่งนิรันดร์ ตั้งสุรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอกรีน เอ็นเนอร์ยี่ เทค จำกัด (มหาชน) หรือ BIOTEC ผู้บริหารหนุ่มมากฝีมือวัย 35 ปี ที่ได้รับความไว้วางใจจากบอร์ดให้มานั่งบริการกิจการเมื่อปีที่ผ่านมา หลังปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น กลุ่มนายปวีณ ปานบุญห้อม ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 26%
คุณรุ่งนิรันดร์ เล่าว่า BIOTEC เดิมคือ จุทานาวี ทำธุรกิจพาณิชย์นาวี เน้นประเภทเรือเทกอง แต่แนวโน้มไม่สดใส หลังจากเข้ามาบริหาร เมื่อต้นปี 2565 จึงได้ปรับโครงสร้างธุรกิจ มองหาโอกาสด้านการลงทุนใหม่ เพื่อพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับมาเทิร์นอะราว โดยเข้าไปลงทุนในธุรกิจด้านผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และกลีเซอรีน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้จากการผลิตไอโอดีเซล
ทำให้ในปี 2565 บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีรายได้รวมมากถึง 4,455 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 1,277% เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่มีรายได้เพียง 323 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และกลีเซอรีน โดยมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และกลีเซอรีน มากถึง 3,916 ล้านบาท ส่วนรายได้จากธุรกิจดั้งเดิมด้านพาณิชย์นาวี 539 ล้านบาท และทำให้ในปี 2565 มีกำไรสูงถึง 163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110%จากปีก่อน ที่มีกำไร 77 ล้านบาท
คุณรุ่งนิรันดร์ บอกว่า ผลจากการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ที่ประสบผลสำเร็จ จึงวางกลยุทธ์ทางธุรกิจในปี 2566 ให้ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และกลีเซอรีน เป็นเรือธงของกลุ่ม BIOTEC ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20%จากปีก่อน โดยปัจจุบันมีโรงผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล 500,000 ลิตร/วัน จากโรงงานที่จังหวัดระยอง ที่ซื้อจาก บริษัท โกลบอล ไบโอ พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด กำลังผลิต 300,000 ลิตร/วัน และที่จังหวัดชุมพร โดยซื้อจากบริษัท แมทเทอร์ ออยล์ ซินเนอร์จี จำกัด กำลังผลิต 200,000 ลิตร/วัน
ส่วนธุรกิจด้านกลีเซอรีน ทางกลุ่ม BIOTEC มีแผนจะต่อยอดขยายการลงทุน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งในกระบวนการผลิตไบโอดีเซลจะได้ผลพลอยได้ออกมาคือ กลีเซอรีนดิบ ปัจจุบัน BIOTEC ผลิตได้ประมาณ 50-60 ตัน/วัน แต่กลีเซอรีนดิบ จะขายได้ในราคาต่ำ แต่หากเมื่อนำกลีเซอรีนดิบมาผ่านกระบวนการกลั่น ทำให้เป็นกลีเซอรีนบริสุทธิ์ ซึ่งมีคุณสมบัติทางเคมีที่หลากหลาย สามารถนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สารเคมีอื่นๆได้ มักนิยมใช้มากในอุตสาหกรรมอาหาร เวชภัณฑ์ เครื่องสำอางค์ สบู่ จะขายได้ในราคาที่สูงขึ้นถึง 3 เท่าตัว โดยอยู่ระหว่างเจรจาซื้อโรงงานกลั่น กลีเซอรีนบริสุทธิ์ เพื่อต่อยอดธุรกิจ
ขณะที่แนวโน้มการเติบโตความต้องการใช้กลีเซอรีนบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่ามีมูลค่าเติบโตของกรีเซอรีน จะสูงถึง 7.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2573 โดยเฉพาะในตลาดจีนมีความต้องการใช้กลีเซอรีนบริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก จึงมองว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างรายได้ และคาดว่าจะทำให้กำไรโตขึ้นจากเดิมถึง 30%ในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายการลงทุนด้านธุรกิจพลังงานทดแทน โดยจับมือกับ Beijing Globe Super Power New Energy Technology Development Co., Ltd. ศึกษาการลงทุนในโครงการพัฒนาและนำเข้าลิเธียมแบตเตอรี่ ประเภท Solid-state battery เพื่อเป็นระบบอุปกรณ์กักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์สำหรับการใช้งานในภาคครัวเรือน รวมถึงสถานีชาร์ตสำหรับรถยน์ไฟฟ้าตามสถานีน้ำมัน และในอนาคตจะร่วมกันศึกษาในเฟส 2 ในความร่วมมือก่อสร้างโรงงานประกอบชิ้นส่วน Battery Energy Storage ในประเทศไทย
คุณรุ่งนิรันดร์ บอกว่า จากการปรับโครงสร้างธุรกิจ และทำให้สัดส่วนรายได้ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และกลีเซอรีน มากถึง 75%ของรายได้รวม ขณะที่รายได้จากธุรกิจพาณิชย์นาวี สัดส่วนเพียง 25% และยังมีแผนขยายการลงทุนด้านธุรกิจพลังงานทดแทน ทำให้บริษัทมีแผนจะขอย้ายกลุ่มอุตสาหกรรมที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จากกลุ่มเดินเรือ เป็นกลุ่มพลังงานแทน โดยอยู่ระหว่างพิจารณาของตลาดหลักทรัพย์