Market

เปิดโผ 15 หุ้น VI พื้นฐานดี ฐานะการเงินมั่นคง
24 ธ.ค. 2564

เปิดโผ 15 หุ้น Value Stock โดยใช้หลักการค้นหาหุ้นตามแนวทาง การลงทุนแบบเน้นคุณค่า Value Investor แบบพื้นฐาน โดยคัดเลือกหุ้นที่มีราคาถูก รวมทั้งฐานะทางการเงินที่มั่นคง และมีความสามารถในการทำกำไรที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เพราะหุ้นประเภทนี้สร้างกำไรที่ดี 

นักลงทุนต้นแบบที่เรามักจะคุ้นเคยกับแนวคิดการลงทุนรูปแบบนี้ เช่น "วอร์เรน บัฟเฟตต์" กูรูการลงทุนระดับโลก ส่วนในประเทศไทย คือ "ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร" ผู้ที่สร้างชื่อเสียงจากการลงทุนในหุ้นคุณค่าและเผยแพร่แนวคิดนี้ในประเทศไทย

การสำรวจหุ้น Value Stock จะอิงหลักเกณฑ์ดังนี้ 

- ต้องมีค่าอัตราส่วนราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น หรือที่เราเรียกกันว่า P/E Ratio ต่ำกว่า 12%  ซึ่งเป็นอัตราส่วนทางการเงิน ที่บอกว่าถ้าเราซื้อราคาเท่านี้ในปัจจุบัน จะคืนทุนในอีกกี่ปี หากกำไรของบริษัทยังเท่าเดิม เช่น หุ้นบริษัท A มีราคา 50 บาท กำไรต่อหุ้น 10 บาท อัตราส่วน P/E เท่ากับ 5 เท่า หากบริษัทนำกำไรมาปันผลทั้งหมดมาปันผลปีละ 10 บาท จะใช้เวลาคืนทุน 5 ปี

- มีราคาต่อมูลค่าหุ้นตามบัญชี หรือ P/BV ไม่เกิน 1.2 เท่า ซึ่งเป็นอัตราส่วนทางการเงินที่ใช้เปรียบเทียบระหว่าง ราคาหุ้น กับ มูลค่าทางบัญชี เช่น ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 15 บาท และมูลค่าตามบัญชีอยู่ที่ 10 บาท คำนวณตามสูตร 15/10 ออกมาได้ค่า P/BV เท่ากับ 1.50 เท่า ซึ่งความหมายก็คือ ค่ามาตรฐานที่เจ้าของลงทุนคือ 1 เท่า ถ้าตอนนี้คุณกำลังซื้อหุ้นตัวนี้ คุณจะซื้อแพงกว่าเจ้าของ 50 สตางค์นั้นเอง

- อัตรากำไรขั้นต้นเมื่อเทียบกับยอดขาย หรือ Gross Proft Margin มากว่า 15% ซึ่งจะใช้  กำไรขั้นต้น หารด้วย ยอดขาย เป็นอัตราส่วนที่บอกถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของกิจการได้เป็นอย่างดี ถ้าอัตรากำไรขั้นต้น มีค่าที่สูงแปลว่าบริษัทมีความสามารถในการควบคุมต้นทุนในการผลิตได้ดี

-อัตราส่วนทุนหมุนเวียน โดยคำนวณจากสินทรัพย์หมุนเวียนหารด้วยหนี้สินหมุนเวียน หรือ Current Ratio มากกว่า 3 เท่า ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่บอกถึงความสามารถในการชำระหนี้สินระยะสั้นว่าเป็นอย่างไร ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว Current Ratio ควรมีค่ามากกว่า 1 ขึ้นไป เนื่องจากหากเกิดกรณีที่บริษัทขาดสภาพคล่องขึ้นมาในระยะสั้น บริษัทนี้ยังสามารถนำสินทรัพย์หมุนเวียน ไปขายหรือเปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็ว เพื่อนำมาจัดการหนี้สินระยะสั้นได้ทันท่วงทีและไม่จำเป็นต้องกู้เงินเพิ่ม 

จากการสำรวจพบ 15 หุ้นที่น่าสนใจ ดังนี้  

หุ้น BCT ซึ่งเป็นผลิตและจำหน่ายคาร์บอนแบล็คทั้งในประเทศและต่างประเทศ  ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ พบหุ้น Value Stock ถึง 5 บริษัท คือ บริษัท  เสนาดีเวลลอปเม้นท์ หรือ SENA บริษัท  ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ หรือ LALIN บริษัท เอพี ไทยแลนด์ หรือ AP บริษัท เอ็นซี เฮ้าส์ซิ่ง หรือ NCH และ ปริญสิริ หรือ PRIN 

หุ้น MATI หรือ บริษัท มติชน  หุ้น LHK หรือ บริษัท โลหะกิจ เม็ททอล ผู้ให้บริการ จัดหา แปรรูป และจำหน่ายสเตนเลสรีดเย็นชนิดม้วนและแผ่น ผลิตและจำหน่ายท่อสเตนเลส 

หุ้น STANLY ผู้ผลิตอุปกรณ์ส่องสว่างยานยนต์ หุ้น MDX ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สาธารณูปโภคพื้นฐานและพลังงาน หุ้น BEYOND  หรือ บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ ประกอบธุรกิจลงทุน พัฒนา และดำเนินธุรกิจโรงแรมและการบริการ  หุ้น TK หรือบริษัท ฐิติกร  ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์    

SMIT หรือ สหมิตรเครื่องกล ซึ่งธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรม วัตถุดิบ เครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท
    
KYEหรือ กันยงอีเลคทริก ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านภายใต้เครื่องหมายการค้า มิตซูบิชิ อีเล็คทริค 

TPCS บริษัท ทีพีซีเอส จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผ้าไม่ทอ เช่น ชิ้นส่วนสำหรับใช้ในรถยนต์ ที่กรองอากาศ หน้ากากอนามัย สินค้าของใช้ในครัวเรือน และวัตถุดิบจากสิ่งทอที่ใช้ในอุตสาหกรรม 

ซึ่งแต่ละหุ้นชื่ออาจจะไม่คุ้นหู คุ้นตา นักลงทุนสักเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยปรากฎบนหน้าสื่อที่มัวแต่เชียร์หุ้นเก็งกำไร

อย่างไรก็ตามนักลงทุน ที่ต้องการจะลงทุนแบบ VI ต้องเข้าใจสไตล์หุ้น และสไตล์การลงทุนของตัวเองก่อน จึงจะลงทุนได้อย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จในการลงทุน ผู้ที่เหมาะกับสไตล์การลงทุนที่เน้นหุ้นคุณค่า คือ นักลงทุนที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นที่จะลงทุน และต้องเป็นนักลงทุนที่มีระยะเวลาการลงทุนค่อนข้างยาว มีความอดทนในการเฝ้ารอการเติบโตของหุ้นคุณค่า

--------------------------------
ติดตามข่าวสาร ความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่
Facebook : Clubhoon
Website : www.Clubhoon.com
Twitter : www.twitter.com/Clubhoon1

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com