UBE โชว์ฟอร์มสวย!! Q1/65 รายได้โตแตะ 1,538 ล้านบาท กำไรกว่า 115 ล้านบาท พุ่งกว่า 200% แรงส่งจากยอดขายอุตฯแป้งมันสำปะหลังเพิ่มสูงขึ้น และปริมาณจำหน่ายเอทานอลที่สูง เผยช่วงที่เหลือปีนี้ ปรับแผนธุรกิจ-จัดงบลงทุน 550 ล้านบาท ลุยทำตลาดต่อเนื่อง ดันเป้ารายได้โต 15-20% ในปีนี้
นายชุณห์ โภไคศวรรย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ UBE ประจำไตรมาส 1 ปี 2565 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,538.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 406.1 ล้านบาท หรือโต 35.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิ 115.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.7 ล้านบาท โตกว่า 204 % เนื่องจากยอดขายโดยรวมของอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับปริมาณจำหน่ายเอทานอลที่สูงขึ้นเช่นกัน ทำให้ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง 586.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4 % โดยยอดขายแป้งมันสำปะหลัง โดยเฉพาะแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิค มียอดขายเพิ่มสูงขึ้น ส่วนรายได้จากธุรกิจเอทานอล มีรายได้ 913.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 316.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.0% สาเหตุจากปริมาณการจำหน่ายเอทานอลเกรดอุตสาหกรรมมีจำนวนมากขึ้น และปริมาณการจำหน่ายเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงที่เริ่มฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในปีที่ผ่านมา ประกอบกับราคาเอทานอลที่คาดว่ายังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ UBE มีกำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
“แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง UBE เชื่อว่าจะมีทิศทางปรับตัวดีต่อเนื่อง จากแนวโน้มการใช้เอทานอลที่เพิ่มมากขึ้น หลังจากราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงแนวโน้มคำสั่งซื้อของกลุ่มธุรกิจอาหาร ทั้งในส่วนของฟลาวมันสำปะหลังและแป้งมันออร์แกนิคที่จะเริ่มทยอยเข้ามามากขึ้นในครึ่งปีหลัง จะมีส่วนช่วยผลักดันรายได้รวมของ UBE ให้เป็นไปตามเป้าหมาย” นายชุณห์ กล่าวในที่สุด
นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ UBE กล่าวว่า แนวโน้มภาพรวมของธุรกิจในปี 2565 จะมีการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 15-20% แม้จะมีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบต่อการดำเนินธุรกิจ อาทิ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตเอทานอลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้น แต่ UBE ได้มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจด้วยการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ลดลง รวมถึงการปรับกลยุทธ์การตลาดในกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าสูงที่จำหน่ายในปัจจุบัน และการใช้นวัตกรรมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อรุกขยายตลาดฟลาวมันสำปะหลังและแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิคมากขึ้น
นอกจากนี้ UBE ยังเดินหน้าแผนการลงทุนในปีนี้ โดยใช้งบลงทุนประมาณ 550 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงคุณภาพและขยายกำลังการผลิตฟลาวมันสำปะหลังตามความต้องการของตลาดที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่วนแผนการตลาดสำหรับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เตรียมที่จะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แป้งทอดกรอบ ภายใต้แบรนด์ “ทาสุโกะ” ดำเนินการโดย บริษัท อุบลซันฟลาวเวอร์ จำกัด บริษัทในเครือ UBE ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบอาหารทอดและแพ้กลูเตนในแป้งสาลี โดยเตรียมวางจำหน่ายเพิ่มเติมในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ต่างๆ ให้มากขึ้น ในไตรมาส 2 เพื่อขยายฐานลูกค้า