แนวโน้มตลาดวันนี้ (12 มิ.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์ต่อ หลังยังไร้ปัจจัยหนุนใหม่และมองเชิงปัจจัยการที่สหรัฐฯ คงเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 55% ไม่ได้เป็นระดับที่ต่ำจากก่อนหน้านี้มีฐานที่ 30% ทั้งนี้มองดัชนียังรอการเบรกที่ 1145 ซึ่งหากผ่านได้คาดจะยังติดแนวต้าน 1150 ขณะที่มีแนวรับที่ 1130-1127/1120 หากหลุดต่ำกว่าจะแกว่งตัวลงรอบใหม่
ประเด็นสำคัญ
• สหรัฐฯ ตั้งเป้าทำข้อตกลงการค้าฉบับถัดไปกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และเตรียมแจ้งบางประเทศเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ติดตามว่าจะมีความชัดเจนในส่วนของไทยช่วงใด
• ปธน. ทรัมป์เผยข้อตกลงกับจีนยังต้องผ่านการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากเขาและปธน. สี จิ้นผิง ซึ่งสหรัฐฯ จะเก็บภาษีจีน 55% และจีนจะเก็บภาษีสหรัฐฯ 10% โดยจีนจะยกเลิกข้อจำกัดส่งออกแร่หายาก ขณะที่สหรัฐฯ จะผ่อนคลายการคุมการขายเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้จีน
• เมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI, Brent ปรับขึ้นแรงเกิน 4%DoD หลังมีรายงานสหรัฐฯ เตรียมอพยพเจ้าหน้าที่บางส่วนออกจากสถานทูตในอิรักจากกังวลความปลอดภัยในตะวันออกกลาง และ EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ก่อนลดลง 3.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าตลาดคาด
• สหรัฐฯ เผย CPI พ.ค. เพิ่มขึ้น 2.4%YoY และ Core CPI พ.ค. เพิ่มขึ้น 2.8%YoY ต่ำกว่าตลาดคาด ทำให้ตลาดมีความหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในเดือน ก.ย. และจะปรับลดอีก 0.25% ในเดือน ธ.ค.
• อีลอน มัสก์เผยผ่าน X เตรียมให้บริการ Starlinkในไทย โดยสถานะของ Starlink ในไทยระบุรอการอนุมัติจากหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบ มองกระทบจำกัดต่อผู้ให้บริการเดิในไทย (ADVANC TRUE) ด้วยค่าบริการที่ถูกกว่าและค่าอุปกรณ์ Starlink ที่ยังสูง
• บอร์ดแพทย์ สปส. เห็นชอบเรื่องการการันตีการจ่ายโรคค่าใช้จ่ายสูงที่ 12,000 บาท/AdjRW ตลอดปี 2568 จากเดิมที่การันตีเพียงช่วง 1H68 มองเป็นบวกต่อคุณภาพการทำกำไรของหุ้น รพ. ที่เข้าร่วมรับผู้ป่วยในโครงการประกันสังคม อย่าง BCH, CHG และ RJH
กลยุทธลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัว Sideways เนื่องจากยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามจากข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีน อินเดีย และญี่ปุ่น ความไม่แน่นอนการเมืองไทย (การปรับ ครม.) และผลกระทบของ DELTA จากเกณฑ์คำนวณใหม่ของ ตลท. ที่จำกัดน้ำหนักหุ้นรายตัวใน SET50/SET100 ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 ก.ค. นี้ แต่เชื่อว่าช่วงต้น เม.ย. SET ได้ปรับลงใกล้ระดับวิกฤติ (Downside ที่ 1,032 จุด) สะท้อนผลกระทบจากนโยบายภาษีสหรัฐฯ ซึ่งผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้ว เรายังคงมุมมองหากดัชนีปรับตัวลงมาบริเวณ 1120-1100 จุด ยังเป็นโอกาสทยอยซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily top picks
PTT: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นแรง 4.8% และราคาหุ้นปัจจุบันไม่แพง โดยซื้อขาย PBV 2568F ที่ระดับ 0.7 เท่า (-1.5 SD) และ PER ที่ระดับ 7.5 เท่าเทียบค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ PBV 1.3 เท่า และ PER 14.6 เท่า อีกทั้งปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตเด่น 44%YoY และให้ Div. Yield ปีนี้สูงราว 6-7% วันนี้แนะนำซื้อราคาไม่เกินหุ้นละ 30.75 บาท
BDMS: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากเป็นหุ้น Defensive และมีโอกาสรีบาวด์หลังลงต่อเนื่อง สวนทางกำไรปกติ 1Q68 ที่ทำ New High และแนวโน้มยังดีต่อใน 2Q68 โดยเติบโต YoY (จากรายได้และ EBITDA Margin ที่เพิ่มขึ้น) แต่ชะลอตัวลง QoQ (จากผลฤดูกาล) โดยปี 2568 คาดกำไรปกติเติบโต 8% รวมทั้งคาดเป็นเป้าหมายกองทุน ThaiESGX