แนวโน้มตลาดวันนี้ (11 มิ.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์ มีกรอบบนที่ 1145 และกรอบล่างที่ 1130-1127 รอการเบรก วานนี้การขึ้นยังทำจุดสูงสุดไม่ผ่าน 1145 ทำจุดสูงสุดที่ 1144.40 ก่อนอ่อนตัวลง ติดบริเวณดังกล่าวเป็นวันที่สอง การขึ้นยังมีแนวต้านที่ 1145/1150 และการอ่อนตัวลงมีแนวรับที่ 1130-1127/1120 หากหลุดต่ำกว่าจะแกว่งตัวลงรอบใหม่ เชิงปัจจัย จีน-สหรัฐฯ บรรลุกรอบความร่วมมือทางการค้าแล้ว เตรียมรายงานต่อผู้นำทั้งสองฝ่าย
ประเด็นสำคัญ
• จีน-สหรัฐฯ บรรลุกรอบความร่วมมือทางการค้าแล้ว เตรียมรายงานต่อผู้นำทั้งสองฝ่าย คาดช่วยคลี่คลายวิกฤตแร่หายาก มองเป็นบวกต่อหุ้นยานยนต์ หุ้นอิเล็กทรอนิคส์ และหุ้นเชื่อมโยงกับจีน
• WorldBank ลดประมาณการ ศก. โลกปีนี้ขยายตัว 2.3% ลดลงจาก 2.7% จากนโยบายภาษีของ ปธน. ทรัมป์ โดยได้ปรับลดคาดการณ์ของศก. สหรัฐฯ ลงสู่ 1.4% จาก 2.3% และยุโรปจาก 0.7% จาก 1.0% อย่างไรก็ตาม คงคาดการณ์เดิมของ ศก. ของจีนที่ 4.5% หลังจีนมีนโยบายการเงินการคลังสนับสนุน ศก.
• รมว. คลังเผยที่ประชุมอนุฯ โครงการกระตุ้น ศก. วงเงิน 1.57 แสนลบ. ยังไม่ได้ข้อสรุปโครงการที่ยื่นของบ เนื่องจากต้องดำเนินการและพิจารณาโครงการต่างๆ อย่างรัดกุม ทำให้การประชุม คกก. นโยบายกระตุ้น ศก. ชุดใหญ่วันนี้ถูกเลื่อนออกไป
• FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนสำหรับอีก 3 เดือนข้างหน้า ใน พ.ค. 68 ปรับขึ้นสู่เกณฑ์ “ทรงตัว” จาก “ซบเซา” โดยนักลงทุนมองมาตรการกระตุ้น ศก. ของภาครัฐเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองมา คือ การฟื้นตัวของ ศก. ในประเทศ
• กระทรวงท่องเที่ยวฯ เผยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติวันที่ 2-6 มิ.ย. 68 อยู่ที่ 565,778 คน ลดลง 4% YoY และ 2% WoW โดยการลดลง YoY น้อยลงจากสัปดาห์ก่อน (-8% YoY) หลักๆ จากแนวโน้มทีดีขึ้นของตลาดนักท่องเที่ยวประเทศอื่นๆ (ที่ไม่ใช่ตลาดจีน)
• ครม. มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. หลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับกระบวนการออกหลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ การทำธุรกรรมต่างๆ การกำกับดูแล รวมถึงบทลงโทษเพื่อการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อความทันสมัยและเพิ่มขีดความสามารถด้านตลาดทุน
กลยุทธลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัว Sideways เนื่องจากยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามจากข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีน อินเดีย และญี่ปุ่น ความไม่แน่นอนการเมืองไทย (การปรับ ครม.) และผลกระทบของ DELTA จากเกณฑ์คำนวณใหม่ของ ตลท. ที่จำกัดน้ำหนักหุ้นรายตัวใน SET50/SET100 ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 ก.ค. นี้ อย่างไรก็ดี วันที่ 10 มิ.ย. อาจมีความคืบหน้าพิจารณาโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” ซึ่งแม้มองส่งผลบวกต่อ SET ไม่มากนัก แต่เชื่อว่าช่วงต้น เม.ย. SET ได้ปรับลงใกล้ระดับวิกฤติ (Downside ที่ 1,032 จุด) สะท้อนผลกระทบจากนโยบายภาษีสหรัฐฯ ซึ่งผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้ว เรายังคงมุมมองหากดัชนีปรับตัวลงมาบริเวณ 1120-1100 จุด ยังเป็นโอกาสทยอยซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily top picks
SCC: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ ที่บรรลุกรอบข้อตกลงเบื้องต้น ขณะที่โมเมนตัมของกำไรคาดยังคงเป็นบวกต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดย 2Q68TD ส่วนต่างราคาของ HDPE เพิ่มขึ้น +15.6% QoQ และ +1.6% YoY ขณะที่ PP เพิ่มขึ้น +18.8% QoQ และ +19.0% YoY จากต้นทุนแนฟทาที่ลดลงแรง และราคาขายซีเมนต์ที่ดีหนุนกำไรใน 2Q68 และในช่วงที่เหลือของปีนี้
GPSC: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการปรับตัวลงของราคาก๊าซฯ และ Bond Yield ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรปกติจะเติบโต 3.9%YoY โดยมีปัจจัยหนุน ได้แก่ การเพิ่มกำลังการผลิต, การได้รับการคัดเลือกโครงการพลังงานทดแทนระยะที่ 2 รอบแรก, ไม่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้ภาษีขั้นต่ำสากล (GMT)