Market

เช็คราคาหุ้นกลุ่มเปิดเมือง 1 เดือนหลังเปิดประเทศ ราคาไปไม่ถึงดวงดาว 
30 พ.ย 2564

เช็คลิสต์หุ้นกลุ่มเปิดเมือง จากวันเปิดประเทศจนถึงวันที่โควิดพันธุ์ใหม่ "โอไมครอน"ระบาด กดดันราคาไปไม่ถึงดวงดาว ใน 1 เดือนหลังเปิดประเทศ ล้วนราคาปรับตัวลง และลงมากกว่า ดัชนีตลาดหุ้น ที่ปรับตัวลง 3.37%
.
ครบ 1 เดือนของการเปิดประเทศ ตามแนวนโยบายของรัฐบาล ที่ประกาศเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พ.ย. หลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย มีการคาดการณ์กันว่าจะส่งผลดี ต่อเศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นที่อิงกับการเปิดเมือง น่าคึกคักตอบรับมาตรการนี้ แต่ช่วงปลายเดือนกลับมีข่าวการแพร่ระบาดรอบใหม่ในหลายประเทศ และพบการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิดชนิดที่ 5  ในชื่อ"โอไมครอน" ในแถบแอฟริกาใต้ สร้างความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุน และมีการเทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก ทำให้หุ้นกลุ่มเปิดเมืองไหนไม่ถึงไหน
.
โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วง 1 เดือนของการเปิดประเทศ จากดัชนี ณ สิ้น ตุลาคม ที่ 1,623.43 จุด เทียบกับ ณ สิ้นพฤศจิกายน ปิดที่ 1,568.69 จุด ลดลง 54.74 จุด หรือ ลดลง 3.37%
.
แต่สำหรับหุ้นเด่นกลุ่มเปิดเมือง ที่อิงการบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยว ที่คาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ ในช่วง 1 เดือนของการเปิดประเทศ ล้วนปรับตัวลดลงในรอบ 1 เดือน และลดลงมากกว่า หรือ Underperform เมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลง 3.37%
.
โดยเฉพาะ AOT หรือ ท่าอากาศยานไทย ที่คาดการณ์ว่าราคาน่าจะติดปีกบิน จากการกลับมาให้บริการเที่ยวบินในประเทศ และคาดว่าโครงการแซนบ๊อกซ์ ในกรุงเทพ เชียงใหม่ ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่ 1พ.ย. เป็นต้นไป โดยคาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะกลับสู่ระดับปกติได้ในปี 2557  
.
แต่สำหรับการเคลื่อนไหวราคา กลับย่ำแย่ลง จากราคา ณ สิ้นตุลาคม ที่ 64.50 บาท และเริ่มจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ แต่ในช่วง 3 วัน ที่มีกระแสข่าว พบโควิดสายพันธุ์ "โอไมครอน" ราคาร่วงไม่เป็นท่า ทำให้ ณ สิ้นพ.ย. ราคาอยู่ที่ 59.75 บาท สรุปตั้งแต่เปิดเมืองราคาลดลงไป 4.75 บาท หรือ 7.36% ขณะที่บล.เมย์แบงก์  ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 73 บาท ส่วนบล.เคจีไอ ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 74.50 บาท
.
AMATA หรือ อมตะ คอร์ปอเรชัน เป็นหุ้นอีกตัวที่ บล.กสิกรไทย มองว่าการเปิดประเทศจะช่วยให้ลูกค้าต่างชาติสามารถเข้ามาจับจองที่ดิน และสนับสนุนการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งประเมินว่าจะมียอดขาย ที่ดินในไทย 500 ไร่ และเวียดนาม 350 ไร่ รวม 850 ไร่ ในปี  2564 ก่อนจะเร่งตัวเป็น 1,000 ไร่ ในปี 2565 

แต่ราคาก็ไม่ไปไหนเช่นกัน จากราคา ณ สิ้นตุลาคม ที่ 20.40 บาท แต่ ณ สิ้นพ.ย. ราคาอยู่ที่ 19.40 บาท ลดลง  1 บาท หรือ 4.9% โดยที่ บล.กสิกรไทย ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 22.60 บาท ขณะที่ บล.เอเชียเวลท์ ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 23.30 บาท 
.

AWC หรือ แอสเสท เวิร์ล คอร์ป เป็นหุ้นอีกตัวหนึ่งในกลุ่มเปิดเมือง ที่คาดการณ์ว่าจะได้อานิสงส์จากการเปิดประเทศ ประกอบกับมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง และธุรกิจพาณิชย์ มีแรงเสียดทานที่ดี ในช่วงวิกฤตโรคระบาด
.
ราคา ณ สิ้นตุลาคม ที่ 4.56 บาท แต่ ณ สิ้นพ.ย. ราคาอยู่ที่ 4.28 บาท ลดลงไป 0.28 บาท หรือ 6.14  % โดยที่ บล.กสิกรไทย ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 6.55 บาท แต่สำหรับบล.คันทรี่ ให้เป้าหมายไว้แค่ 4.10 บาทเท่านั้น
.
BDMS หรือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ที่คาดว่าจะได้อานิสงค์จากผู้ป่วยต่างชาติ ที่จะเดินทางกลับมาใช้บริการมากขึ้น จากนโยบายเปิดประเทศ แต่หุ้นก็ไม่ไปไหนเช่นกัน 
.
ราคา ณ สิ้นตุลาคม อยู่ที่ 23.50 บาท แต่ ณ สิ้นพ.ย. ราคาอยู่ที่ 22.30 บาท ลดลง 1.20 บาท  หรือ 5.10% โดยที่บล.ฟิลลิป ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 28 บาท บล.เคจีไอ ให้ไว้ที่ 26.50 บาท บล.เอเชียเวลท์ ให้ไว้ที่ 27 บาท ส่วนบล.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ให้ไว้ที่ 27.50 บาท 
.
BBL หรือแบงก์กรุงเทพ หุ้นเด่นกลุ่มแบงก์ เพราะมี 1.คุณภาพสินทรัพย์ที่ปลอดภัย 2.กำไรสุทธิที่ฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งเร็วกว่าบางแบงก์ 3. Capital ratio ที่แข็งแกร่ง และ 4.มูลค่าหุ้นที่ถูก ซื้อขายที่ P/BV 0.5 เท่าในปี 2564 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเมื่อเปรียบเทียบกับแบงก์ขนาดใหญ่ด้วยกัน
.
แต่ราคาก็ถูกกดดัน ราคา ณ สิ้นตุลาคม ที่ 122.50 บาท แต่ ณ สิ้นพ.ย. ราคาอยู่ที่ 113 บาท เท่านั้น ลดลงไป 9.50 บาท หรือ 7.75% โดยที่ บล.กสิกรไทย ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 150 บาท บล.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และบล.ฟิลลิป ให้ไว้ที่ 159 บาท บล.เมย์แบงก์ ให้ไว้ที่ 160 บาท และบล.เอเชียเวลท์ให้ไว้ 180 บาท
.
CPALL หรือ ซีพีออลล์ หุ้นที่ทุกโบรกเกอร์ต่างฟันธงว่า จะส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นจากการเปิดประเทศ และการฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศในไตรมาส 4/64 หลังผลประกอบการไตรมาส 3/64 ที่ได้รับผลกระทบโควิด กำไรสุทธิ 1,493 ล้านบาท ลดลง 62.7% แต่ก็มองว่าผ่านพ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว โดยการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม หรือ SSSG พลิกกลับเป็นบวกในเดือน พ.ย. 
.
แต่ราคาหุ้น ก็ Underperform เมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เช่นกัน ราคา ณ สิ้นตุลาคม ที่ 64.00 บาท แต่ ณ สิ้นพ.ย. ราคาอยู่ที่ 58.50 บาท เท่านั้น ลดลง 5.50 บาท หรือ 8.59% ขณะที่บล.กสิกรไทย ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 73 บาท บล.เอเชียเวลท์ ให้ไว้ที่ 67 บาท 
.
CPN หรือ เซ็นทรัลพัฒนา ที่คาดว่าผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวขึ้นในระยะกลาง เมื่ออัตราการฉีดวัคซีนอยู่ในระดับสูงมากพอที่จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ นอกจากนี้ การลงทุนใหม่หลายรายการ และโครงการใหม่จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาวและสร้างมูลค่าหุ้นเพิ่มเติม
.
แต่ราคาหุ้น ก็ Underperform เช่นกัน  ณ สิ้นตุลาคม ราคาอยู่ที่ 59.25 บาท แต่ ณ สิ้นพ.ย. อยู่ที่ 52.00 บาท เท่านั้น ลดลง 7.25 บาท หรือ 12.23% โดย บล.ฟิลลิป ให้เป้าหมายไว้ที่ 61.50 บาท บล.สะไบโตะ ให้ไว้ที่ 64.00 บาท และบล.กสิกรไทย ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 64.50 บาท 
.
หุ้นเปิดเมืองตัวสุดท้าย คือ SPRC หรือ สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง บล.กสิกรไทย มองคาดว่าเป็นวัฎจักรขาขึ้นรอบใหม่ จะเริ่มขึ้นในปี 66 จึงคาดว่ามูลค่าหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น จะค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้น จากตั้งแต่ปี 65 และยังคาดว่าปีทองของกลุ่มโรงกลั่นจะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 67 เป็นต้นไป จากการลงทุนในกำลังการกลั่นใหม่ที่น้อยกว่าคาดในช่วงที่เกิดวิกฤติโควิด-19
.
ราคาไม่ไปไหนเช่นกัน ณ สิ้นตุลาคม อยู่ที่ 10.50 บาท แต่ ณ สิ้นพ.ย. ราคาอยู่ที่ 9.00 บาท เท่านั้น ลดลง 1.50 บาท หรือ 14.28% โดยบล.กสิกรไทย ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 14 บาท บล.เมย์แบงก์ให้ไว้ที่ 11.20 บาท บล.คันทรี่ มองเป้าหมายไว้ที่ 11.30 บาท บล.หยวนต้า มองไว้ที่ 11.10 บาท ส่วน บล.เอเชียเวลท์ มองไว้ที่ 12.80 บาท 


-----------------
ติดตามข่าวสาร ความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่

Facebook : Clubhoon
Website : www.Clubhoon.com
Twitter : www.twitter.com/Clubhoon1

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com