ทำความรู้จัก บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC หนึ่งในผู้นำคลินิกบริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยาก ที่มีแผนจะระดมทุนขายหุ้น ไอพีโอ 60 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI ในไตรมาส 3 ปีนี้
บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC หนึ่งในผู้นำคลินิกบริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยาก เพื่อแก้ปัญหาและตอบโจทย์ของผู้ที่อยากมีลูก เพิ่มโอกาสในการสร้างครอบครัวในอนาคต โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกจำนวน 60 ล้านหุ้น มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ ในไตรมาส 3 บริษัทนี้มีความเป็นมาอย่างไร คลับหุ้นได้มีโอกาสพูดคุยกับ "คุณกรพัส อัจฉริยมานีกูล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รายละเอียดเป็นอย่างไร ไปติดตามกัน
คุณกรพัส ท้าวความว่า จุดเริ่มต้นของ GFC มาจากตนเองและคุณภาสิริ อรวัฒนศรีกุล ภรรยา เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้มีบุตรยาก อยากจะมีลูก อยากสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ไปหาหมอตามโรงพยาบาลต่างๆ เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา กับการหาวิธีที่จะมีลูกอยู่หลายปี แต่ก็ไม่สำเร็จ
กระทั่งมีคนแนะนำให้รู้จัก นพ.พิทักษ์ เลาห์เกริกเกียรติ คุณหมอผู้ชำนาญการด้านการเจริญพันธุ์ จนมีลูกได้สำเร็จ จึงมองเห็นช่องทางในการทำธุรกิจบริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยาก ด้วยความสามารถของนพ.พิทักษ์ และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ บวกกับประสบการณ์โดบยตรงของภรรยา จึงมีจุดมุ่งหมายร่วมกันในการแก้ปัญหาผู้ที่อยากมีลูก เพื่อเติมเต็มความฝันของทุกครอบครัว จึงร่วมกัน ตั้งบริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2559 ประกอบด้วย
- นพ.พิทักษ์ เลาห์เกริกเกียรติ คุณหมอผู้ชำนาญการด้านการเจริญพันธุ์ผู้มีชื่อเสียงในวงการ
- นพ.ประมุข วงศ์ธนะเกียรติ คุณหมอผู้ชำนาญการด้านการเจริญพันธุ์ นักลงทุน นักธุรกิจ
- พญ.ปรวัน ตั้งธรรม คุณหมอผู้ชำนาญการด้านการเจริญพันธุ์
- คุณปิยะดา วิรัตน์พงษ์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการด้านการเจริญพันธุ์
- คุณภาสิริ อรวัฒนศรีกุล นักธุรกิจผู้เคยได้รับบริการด้านการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์
จากความมุ่งมั่นร่วมกัน 3 ประการของผู้ร่วมก่อตั้ง เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
- ด้วยประสบการณ์ในการให้บริการของแพทย์ผู้ชำนาญการ ประกอบกับประสบการณ์ในการเข้ารับบริการโดยตรงของ คุณภาสิริ อรวัฒนศรีกุล ทำให้ผู้ก่อตั้งเห็นโอกาสที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการการให้บริการด้านการเจริญพันธุ์นี้ให้มีคุณภาพที่ดีมากขี้น พร้อมกับมอบความอบอุ่นและความเข้าใจตลอดการบริการ อันส่งผลให้ GFC สามารถมอบความสุขและผลลัพธ์ให้แก่ลูกค้าได้ดีอย่างสม่ำเสมอ และเป็นวงกว้างมากขึ้น
- ผู้ร่วมก่อตั้งมีความเห็นตรงกันว่า ศาสตร์และศิลป์ ของการเจริญพันธุ์นี้จะสามารถส่งผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมการแพทย์ด้านการเจริญพันธุ์ในระยะยาว จึงตั้งเป้าหมายร่วมกันว่าจะผลักดันให้ GFC เป็นหนึ่งในองค์กรที่สนับสนุนและผลิตบุคลากรที่มีความรู้และมีคุณภาพออกสู่ห่วงโซ่คุณค่าในอุตสาหกรรมดังกล่าวนี้ในภาพรวมที่ดี โดยไม่เพียงส่งผลกระทบในระดับประเทศแต่ยังอาจส่งผลในระดับภูมิภาคด้วยเช่นกัน
- ผู้ร่วมก่อตั้งเห็นว่า การสร้างโอกาสในการเจริญพันธุ์ที่มีคุณภาพจะเป็นเครื่องยนต์ทางสังคมและเศรษฐกิจที่สำคัญ ส่งผลให้สถาบันที่เล็กที่สุดแต่สำคัญที่สุด ได้แก่ สถาบันครอบครัว มีความแข็งแกร่งและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น สถาบันครอบครัวที่มีคุณภาพนี้จะทำหน้าที่ส่งมอบคนที่มีคุณภาพเข้าสู่สังคม ไม่ว่าจะเป็นคู่ชีวิตที่มีความสุข หรือเยาวชนที่มีความพร้อมในด้านต่างๆ อันเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน
ธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัท GFC แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่
1) การให้บริการตรวจเบื้องต้นก่อนให้คำแนะนำหรือรักษา
2) การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี IUI (Intrauterine insemination)
3) การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection)
4) การให้บริการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน (Next generation sequencing: NGS)
5) การให้บริการแช่แข็งไข่และการฝากไข่
คุณกรพัส เล่าว่า กว่า 2,000 คนต่อปี คือจำนวนผู้มีบุตรยากที่ผ่านการดูแลของ GFC เพราะเรามีบริการตั้งแต่ให้คำแนะนำ คำปรึกษา ตลอดจนการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ และมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ทันสมัยแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีการนำเทคโนโลยี Earl Embryo Viability Assessment (EEVA) ซึ่งเป็นการนำระบบ AI จาก สหรัฐอเมริกา มาช่วยประเมินตัวอ่อน ซึ่งเป็นที่แรกในประเทศไทย ทำให้สามารถวิเคราะห์คุณภาพตัวอ่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ
จากความทุ่มเทในการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยาก ทำให้ GFC เติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานของธุรกิจใน 3 ปีที่ผ่านมา
โดยปี 2563 ถึงปี 2565 และงวด 3 เดือนปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการเท่ากับ 214.43 ล้านบาท 242.12 ล้านบาท และ 275.91 ล้านบาท และ 86.11 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้จากการให้บริการของกลุ่มบริษัทฯ จะสอดคล้องกับจำนวนผู้เข้ามารับบริการรักษาภาวะมีบุตรยาก ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI เป็นรายได้หลัก ขณะที่กำไรสุทธิปี 2563 ถึงปี 2565 และงวด 3 เดือนปี 2566 เท่ากับ 66.55 ล้านบาท 69.63 ล้านบาท 65.68 ล้านบาท และ 18.93 ล้านบาท ตามลำดับ
ในขณะที่มองว่า ธุรกิจให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยาก ยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จาก โอกาสจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีผู้มีบุตรยากต้องการมารักษามากที่สุด ในขณะที่ตลาดการบริการรักษาด้วยวิธี การทำเด็กหลอดแก้ว หรือ IVF ไทย เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 6%ต่อปี ในขณะที่สตรีไทยที่ให้กำเนิดบุตรมีอายุเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้การทำเด็กหลอดแก้ว หรือ IVF ไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือการส่งเสริมของภาครัฐที่ผลักดัน ให้ไทยเป็น Medical Hub ในขณะที่อัตราค่ารักษาพยาบาลที่ถูกกว่าประเทศคู่แข่งเฉลี่ย 178% รวมทั้งตลาดท่องเที่ยวสำหรับผู้มีบุตรยากในไทยเติบโตเฉลี่ย 14.60%ต่อปี
สำหรับการระดมทุนเพื่อเสนอขายหุ้นจำนวน 60 ล้านหุ้นในครั้งนี้ ได้แต่งตั้งบริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อนำเงินไปลงทุนในโครงการขยายสาขาใหม่ที่สุวรรณภูมิ-พระราม 9 เพื่อรองรับประมาณลูกค้าชาวไทยที่เพิ่มขึ้น และรองรับลูกค้าจากต่างประเทศ รวมถึงเป็นศูนย์ฝึกอบรมนักเทคนิคการแพทย์ ด้วยเงินลงทุนประมาณ 450 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ และขยายสาขาเปิดคลีนิกที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อขยายฐานการให้บริการไปยังกลุ่มลูกค้าในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ด้วยเงินลงทุนประมาณ 35 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดดำเนินการในไตรมาส 1 ปี 2567 นอกจากนี้ ยังนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงการหาโอกาสธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการของกลุ่ม GFC
คุณกรพัส ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ที่ดีที่สุด ด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ซึ่งสอดรับกับวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน ที่มีความมั่นคง ยั่งยืน และยึดมั่นในหลักจริยธรรม และด้วยศักยภาพจุดแข็งทางธุรกิจ ยิ่งแสดงถึงความสำเร็จของ GFC ที่จะก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยากรายแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ที่ทันสมัยแห่งหนึ่งของประเทศไทย
จากแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ระยะเวลา 10 ปี (พ.ศ.2560 ถึง พ.ศ.2569) ของภาครัฐบาล โดยมีเป้าหมายในการพัฒนา 4 ผลผลิตหลัก ได้แก่ ศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ (Wellness Hub) ศูนย์กลางบริการสุขภาพ (Medical Service Hub) ศูนย์กลางบริการวิชาการและงานวิจัย (Academic Hub) และศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Product Hub) จะยิ่งส่งผลกระทบเชิงบวกและเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ของกลุ่มบริษัท GFC จากการให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยาก รวมถึงชาวต่างชาติในอนาคต
คุณกรพัส บอกวว่า GFC ตั้งใจให้ผลิตภัณฑ์ของเรามอบความสุขและสร้างความหวังในกับชีวิตครอบครัวของลูกค้าของเรา เมื่อครอบครัวของลูกค้ามีความสุขและมีความหวัง จะก่อให้เกิดครอบครัวที่แข็งแรง มีภูมิต้านทานต่อความผันแปรทางสังคม กลายเป็นหน่วยสังคมที่มีคุณภาพและมีความสุขอย่างยั่งยืน
เราเชื่อว่า เมื่อหน่วยงานทางสังคมที่เล็กที่สุดที่เราเรียกว่าครอบครัวมีคุณภาพแข็งแกร่งแล้ว จะส่งผลเชิงบวกต่อสังคมในด้านต่างๆ อีกมากมาย ก่อให้เกิดผลิตภาพ (Productivity) ทางเศรษฐกิจ และเทคโนโลยี ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เพื่อประโยชน์ทางสังคมอย่างแท้จริง