บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส เปิดแผนปี 65 รับมือต้นทุนวัตถุดิบเพิ่ม วางยุทธศาสตร์พัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ สร้างมูลค่าเพิ่ม-ลดต้นทุน เร่งดันยอดขายสินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ เพิ่มสัดส่วนรายได้ส่งออก ตั้งเป้ายอดขายโต 5-10% มูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล้าน ไตรมาส 1 ปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานอยุธยา
นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วและอื่น ๆ รายใหญ่ในไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า ภาพรวม อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกปี 2565 ถือเป็นปีแห่งความท้าทายในด้านการบริหารจัดการต้นทุน เพื่อรับมือกับราคาพลังงานและวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับมีเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย ซึ่งบริษัทฯ ได้ติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดโดยตลอด เพื่อรับมืออย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น แผนยุทธศาสตร์ในปีนี้จึงมุ่งเน้นทั้งเชิงรุกและเชิงรับในการเพิ่มยอดขายตามเป้าหมายและเพิ่มประสิทธิภาพบริหารต้นทุนให้ดียิ่งขึ้น โดยบริษัทได้วางแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้การส่งออกในปี 2565 เป็น 12% เพิ่มจากปีก่อนที่ 9% มุ่งเน้นเพิ่มยอดขายในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่องและราคาขายที่ค่อนข้างดี
"จากแผนยุทธศาสตร์ที่ผลักดันยอดขายปีนี้เติบโต 5-10% อยู่ที่กว่า 13,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มีสินค้าพร้อมขายหลังจากได้เร่งการผลิตในช่วงปลายปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งจะมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพบริหารต้นทุน ลดอัตราสูญเสียในกระบวนการผลิต ปรับส่วนผสมวัตถุดิบเพื่อควบคุมต้นทุนโดยไม่กระทบคุณภาพ เจรจาซัพพลายเออร์เพื่อล็อกราคาวัตถุดิบบางส่วน นำเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงานเข้ามาปรับใช้มากขึ้นและพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยลดต้นทุน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว"
โดยในไตรมาส 1/2565 บริษัทมีแผนลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มกำลังการผลิตเตาหลอมแก้วที่ 1 ของโรงงานอยุธยา เป็น 400 ตันต่อวัน จากเดิม 320 ตันต่อวัน คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 2/2566 และมีแผนพัฒนานวัตกรรมทั้งในด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มยอดขายและนวัตกรรมที่ช่วยลดต้นทุน ผ่านการวิจัยและพัฒนาโดยศูนย์ Technology and Innovation Center (TIC) ของบริษัทฯ อาทิ การนำ ‘ขวดแก้ว Lightweight’ (บรรจุภัณฑ์แก้วชนิดน้ำหนักเบา) เป็นนวัตกรรมที่ใช้ปริมาณน้ำแก้วลดลงถึง 30% มาต่อยอดการวิจัยและพัฒนาสู่บรรจุภัณฑ์ประเภทอื่น ซึ่งสามารถตอบโจทย์การสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าและช่วยลดต้นทุนได้ในเวลาเดียวกัน โดยต้องการจะพัฒนานวัตกรรมใหม่ให้สำเร็จในปีนี้ 3-5 ผลิตภัณฑ์
ขณะเดียวกันจะรุกเพิ่มยอดขายจากพอร์ตสินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ ได้แก่ บรรจุภัณฑ์กระดาษ บรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน ฟิล์มพลาสติก ฝาพลาสติก ขวด PET และหลอดพรีฟอร์ม หลังปรับโมเดลธุรกิจเป็น Total Packaging Solutions ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยจะมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีความต้องการสินค้ากลุ่มดังกล่าวและเพิ่มยอดขายต่อรายจากฐานลูกค้าเดิมที่สั่งซื้อบรรจุภัณฑ์แก้ว นอกจากนี้จะจัดหากลุ่มบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องเพื่อเพิ่มความหลากหลายและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น