Market

ตลท.แจงคลังเก็บภาษีขายหุ้น เพิ่มต้นทุนนักลงทุน-ประสิทธิภาพแข่งขันลด
17 ธ.ค. 2564

ตลท. เผยหาก คลัง เดินหน้าจัดเก็บภาษีการซื้อขายหุ้น จะกระทบต่อประสิทธิภาพการแข่งขันลดลงจากต้นทุนของนักลงทุนที่สูงขึ้น

 

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงการคลังมีนโยบายในการจัดเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หรือ Financial Transaction Tax ในอัตรา 0.1% ของการขายหุ้นที่เกินกว่า 1 ล้านบาทขึ้นไปต่อเดือน โดยจะเริ่มในปี 2565 นั้น ว่า หากมีการจัดเก็บภาษีจริงๆ จะทำให้ต้นทุนในการซื้อขายของนักลงทุนเพิ่มสูงขึ้น โดยกลุ่มที่จะกระทบมากที่สุดเป็นกลุ่มนักลงทุนประเภทกองทุนเก็งกำไรระยะสั้นจากต่างประเทศที่เรียกว่า High Frequency Trading (HFT) ซึ่งมีอยู่ประมาณ 20-30% ของมูลค่าเฉลี่ยในการซื้อขายต่อวัน

 

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นตลาดที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดในอาเขียน เป็นเวลา 7-8 ปีอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้มีมูลค่าการซื้อขายโดยเฉลี่ยประมาณ 90 พันล้านบาท  โดยที่สิงคโปร์ เป็นอันดับ 2 มีมูลค่าการซื้อขายประมาณครึ่งหนึ่งของ SET ส่วนอันดับสาม คือ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ที่มีการซื้อขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บางวันสูงกว่าสิงคโปร์

 

“การจัดเก็บภาษีเป็นเรื่องนโยบายของกระทรวงการคลัง ซึ่งไม่เฉพาะประเทศไทย แต่ก่อนหน้านี้ประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซียก็ได้จัดเก็บเช่นกัน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่แต่ละประเทศต้องการภาษีและเงินงบประมาณเพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากเกิดผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19” นายภากร กล่าว

 

ซึ่งตลาดหุ้น อินโดนีเซีย ไต้หวัน เวียดนาม เกาหลี จัดเก็บภาษีแบบ transaction ในขณะที่ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย จัดเก็บแบบเสียอากรสแตมป์

 

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ได้ทำข้อมูลเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณา เกี่ยวกับผลกระทบในเชิงปริมาณ ในกรณีที่มีการจัดเก็บในแต่ละเรทที่จัดเก็บแล้ว ซึ่งอยู่ที่ดุลยพินิจของกระทรวงการคลังบนพื้นฐานให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยสามารถแข่งขันกับตลาดอื่นในโลกได้ และไม่เป็นภาระนักลงทุนจนเกินไป และควรให้เวลานักลงทุนเตรียมตัวระยะหนึ่ง

 

สำหรับผลกระทบระยะสั้นหลังมีข่าวการจัดเก็บมีไม่มากนัก เนื่องจากเข้าสู่ฤดูการพักพอร์ตลงทุนในช่วงปลายปี เข้าสู่โหมด long weekend เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ส่วนนักลงทุนไทยที่ไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศแทน จำนวนมากน้อยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ในปัจจุบันนักลงทุนไทยสามารถลงทุนหุ้นต่างประเทศได้อยู่แล้วผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ หรือ  foreign investment fund ( FIF), หรือการลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้โดยตรงผ่านบริษัทหลักทรัพย์ไทย ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน

 

--------------------------
ติดตามข่าวสาร ความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่
Facebook : Clubhoon
Website : www.Clubhoon.com
Twitter : www.twitter.com/Clubhoon1

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com