หุ้นไทยวันนี้ ตลาดซึมๆ รอผลประชุมเฟด และ ECB คาดขึ้นดอกเบี้ยต่อ และการเมืองไทยระอุทั้งจัดตั้งรัฐบาล-โหวตเลือกนายกฯ พอจะมีข่าวบวกจากราคาน้ำมันพุ่งหนุนกลุ่มพลังงาน และซื้อดักหุ้นโชว์งบ Q2/66 โตดี แนะ Trading
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (24 มิ.ย.) บล.กรุงศรี ประเมิน SET แกว่งตัว 1,520 - 1,540 จุดแม้จะได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงานตามคาดการณ์ Demand น้ำมันเพิ่มขึ้นหนุนให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเหนือ 77 ดอลลาร์/บาร์เรล รวมถึงแรงซื้อดักหุ้นงบฯไตรมาส 2/66 (2Q23) เติบโต อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนการเมืองมีประเด็นการจัดตั้งรัฐบาลและการโหวตนายกฯ รวมถึงการลดความเสี่ยงก่อนการประชุม FED และ ECB ในสัปดาห์นี้จะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัว
กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy แนะนำหุ้น PTTEP TOP BCP SPRC ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น และ กลุ่มที่คาดงบ 2Q23 เติบโต ADVANC INTUCH WHA BEM SAPPE CBG ICHI BBIK BE8 TKN SISB SPA GULF
หุ้นแนะนำวันนี้
- PTTEP (ปิด 158 บาท ซื้อ/เป้า IAA Consensus 169 บาท) ได้Sentiment บวกราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก1.42$ ปิดที่ระดับ 77$/bbl ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งส่งผลบวกโดยตรงต่อในฐานะ Oil link Company
- TOP (ปิด 47.75 บาท ซื้อ/เป้า IAA Consensus 60 บาท) มี Sentiment บวกจากค่าการกลั่น ณ โรงกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวขึ้นแรง ล่าสุดเพิ่มขึ้นแตะระดับ 7.97$/bbl เพิ่มขึ้น12.7% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 105% จาก 3.88$/bbl ณ สิ้น 2Q23
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กลุ่มธนาคารประกาศงบ 2Q23 มีกำไรสุทธิออกมาดีตามที่ตลาดคาด: 8 แบงก์ใหญ่มีกำไรสุทธิ 2Q23 ที่ 6 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 3%qoq และ 18%yoy และมากกว่าที่Bloomberg consensus คาดไว้ 3% โดย SCB มีกำไรสุทธิมากที่สุดที่ 1.19 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 7.9%qoq และ 18.1%yoy ตามด้วย BBL มีกำไรสุทธิ 1.13 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 11.5%qoq และ 62.2%yoy
(+/-) การเมือง ผ่าทางตันโหวตเลือก นายกฯ รอบ 3 วันที่ 27 ก.ค. นี้: เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะมีผลและสร้างความผันผวนให้กับตลาดในสัปดาห์นี้ เพราะ 1) หากการโหวตเลือกนายกฯ ยังล่าช้าจะทำให้มีสุญญากาศทางการเมืองนานเกินไปเป็นลบต่อเศรษฐกิจ (GDP) จากการเบิกจ่ายและจัดทำร่างงบประมาณปี 67 ช้ากว่าแผน และ 2) หากพรรคร่วมรัฐบาลต้องข้ามขั้ว มีความเสี่ยงจากเกมส์นอกสภาฯ
(+/-) สัปดาห์แห่งการประชุมของธนาคารกลาง โฟกัสหลักอยู่ที่ FED Meeting: เราคงมุมมองเดิมคาด FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 5.5% อย่างไรก็ตามเราคาดว่าปัจจัยนี้จะส่งผลกับตลาดจำกัดเนื่องจากเป็นสิ่งที่ตลาดรับรู้ไปแล้ว ดังนั้นความสำคัญจึงอยู่ที่ถ้อยแถลงของประธานเฟดหลังการประชุมว่ามากกว่าว่าจะส่งสัญญาณในการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้อย่างไร