แสนสิริลุ้นกำไรปี 66 โตกระฉูด 40 – 50%. แรงหนุนจากกำไรไตรมาสแรกพุ่งสูงสุดในกลุ่มธุรกิจและแนวโน้มเติบโตต่อ ระบุครึ่งปีหลังเตรียมโอนทะลักโครงการลักซ์ชัวรีมาร์จิ้นสูง รวมทั้งยอดโอนจากบ้านเดี่ยวแบรนด์เศรษฐสิริ 10 โครงการใหม่ พร้อมเริ่มโอนคอนโดฯ อีก 5 โครงการสร้างเสร็จปีนี้ ผนึกกำไรพิเศษจากการขายกิจการโรงเรียน ลุ้นกำไรพิเศษจากการทำโครงการรูปแบบ Joint Venture ในไตรมาสที่เหลือ ขณะที่ยอดขายล่าสุดพุ่งสู่ระดับ 17,000 ล้านบาท
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ากำไรในปีนี้จะเติบโตทะลุ 40 – 50% ตามแผนธุรกิจที่วางไว้ เนื่องจากยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในไตรมาส 1/66 และในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.66 รวมทั้งบริษัทยังมียอดโอนต่อเนื่องจากโครงการในระดับลักซ์ชัวรีที่มีมาร์จิ้นสูง
“แนวโน้มอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการบันทึกรายได้จากการขายที่สูงขึ้นจากโครงการระดับลักซ์ชัวรีที่มีการโอนต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา อาทิ นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท , คอนโดมิเนียม XT พญาไท มูลค่าโครงการ 9,860 ล้านบาท รวมถึงจะมีการบันทึกรายได้จากโครงการใหม่ในระดับลักซ์ชัวรี ที่เตรียมเปิดตัวพร้อมโอนในปีนี้ ได้แก่ นาราสิริ พหล – วัชรพล, บูก้าน 3 โครงการใหม่ ได้แก่ บูก้านกรุงเทพกรีฑา, บูก้าน พัฒนาการ และบูก้าน เหม่งจ๋าย ที่เตรียมพัฒนาเป็นโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนในไตรมาส 4. รวมทั้งยอดโอนจากบ้านเดี่ยวแบรนด์เศรษฐสิริ 10 โครงการใหม่อีกด้วย” นายอุทัย กล่าว
นอกจากนี้ แสนสิริยังประสบความสำเร็จในกลุ่มแบรนด์คอนโดราคาเข้าถึงง่ายจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ อาทิ เดอะมูฟ บางนา, เดอะมูฟ บางแค, ดีคอนโด พนา และเฮย์ หัวหิน ขณะที่ “NIA by Sansiri” (เนีย บาย แสนสิริ) มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท คอนโดมิเนียมจากซีรี่ย์ One of a Kind Project ที่เตรียมเปิดตัวพร้อมขาย พร้อมโอนในเดือนกันยายนนี้ จะช่วยเสริมยอดโอนและกำไรให้สูงขึ้นด้วย ซึ่งเมื่อรวมกับแผนรุกธุรกิจในการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ความต้องการ และแรงหนุนจากการขายกิจการโรงเรียนสาธิตพัฒนาที่รับรู้กำไรพิเศษ (หลังภาษี) ในไตรมาสที่ผ่านมาอีกประมาณ 400 – 500 ล้านบาทพร้อมลุ้นกำไรพิเศษจากการทำโครงการรูปแบบ Joint Venture ในไตรมาสที่เหลือ. ทำให้คาดว่าจะผลักดันกำไรสุทธิปี 2566 ของแสนสิริให้ทำ New High ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
“อัตราการเติบโตของธุรกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากการประสบความสำเร็จด้านการขายจากการตอบรับในแบรนด์ที่อยู่อาศัยของแสนสิริที่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้า. การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ในระดับไม่เกิน 18-19% รวมถึงการบริหารงานก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพให้กับลูกค้า ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมีประสิทธิภาพในการทำกำไรและสร้างรายรับให้มีศักยภาพสูงยิ่งขึ้นด้วย. โดยแสนสิริมียอดขายล่าสุดในรอบ 5 เดือนอยู่ที่ 17,000 ล้านบาท ซึ่งจะดันสู่กำไรสุทธิปี 2566 ให้เติบโตไปถึงระดับ 40 – 50%” นายอุทัย กล่าวปิดท้าย