ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ชี้ “พล.อ.ประยุทธ์”ถูกพักงาน “นายกรัฐมนตรี” ไม่กระทบตลาดหุ้นไทย ระบุที่ผ่านมา บจ.โชว์ทำกำไร เหนือกว่าเศรษฐกิจ-การเมือง ผลงานครึ่งปี แรกสามารถทำยอดขายโต40% มั่นใจ GDP โตต่อเนื่องจากท่องเที่ยว แนะให้โฟกัสรัฐบาลที่ดำเนินนโยบาย ศก.-การลงทุนโครงการฯต่อเนื่องดีกว่าดูตัวบุคคล ปีนี้ต่างชาติซื้อหุ้นไทยกว่า 1.8 แสนลบ. สูงสุดรอบ3ปี
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ให้ความเห็นต่อกรณีมติศาลรัฐธรรมนูญ ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่ “นายกรัฐมนตรี” และให้พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รักษาการนายกรัฐมนตรี ว่า เชื่อว่าจะไม่กระทบกับตลาดหุ้นมากนัก เพราะการเมืองและเศรษฐกิจ ก็ไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องกับผลประกอบการของภาคธุรกิจมากนัก เนื่องจากบริษัทจดทะเบียน (บจ.)ไทยค่อนข้างมีความแข็งแกร่งด้านความสามารถในการทำกำไร ซึ่งอยากให้พิจารณาแยกกันและต้องพิจารณาเป็นรายอุตสาหกรรมด้วย ด้านการเมืองจะเป็นเรื่องขอให้ภาครัฐดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่องทั้งด้านเศรษฐกิจและการลงทุน
ล่าสุด ผลประกอบการครึ่งปีแรกของ บจ. มีการเติบโตดี โดยยอดขายรวมโตถึง 40% แต่มีต้นทุนจากราคาพลังงานเพิ่มขึ้น จึงทำให้กำไรรวม (ไม่รวมกลุ่มพลังงาน)ทรงตัวจากช่วงที่ผ่านมา
“ผลประกอบการบจ. บางทีก็ไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงเศรษฐกิจไทยโดยรวมเท่านั้น เนื่องจาก บจ.ไทยทั้งตลาด มีรายได้จากต่างประเทศถึง 30% และบจ.ที่มีธุรกิจอยู่ต่างประเทศก็มีรายได้จากต่างประเทศเกือบ50% หรืออย่างธุรกิจส่งออก ท่องเที่ยวก็ขึ้นกับปัจจัยภายนอกประเทศ ดังนั้นจะมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องมีทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ความสามารถในการทำกำไรของบจ. สิ่งที่นักลงทุนต่างประเทศถามจะเป็นเรื่องนโยบายการคลัง นโยบายการเงิน การเติบโตทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมไหนที่เป็นอุตฯหลักหรืออุตฯใหม่ของประเทศ ไทยสามารถสานต่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน พวกนี้เป็นประเด็นสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและการเมืองมากกว่า”
ผู้จัดการตลท. มองว่า ตลาดทุนกับเศรษฐกิจ สิ่งที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญคือ ภาครัฐกำลังดำเนินการอะไรบ้าง เช่น เดินหน้าโครงการโครงสร้างพื้นฐาน การต่อยอดให้ภาคเอกชนแข็งแกร่งเติบโตดี ซึ่งมีหลายอุตสาหกรรมกลับมาเติบโตเท่ากับช่วงก่อนโควิดแล้ว เช่นกลุ่มอาหาร แต่ก็มีหลายอุตสาหกรรมที่ยังไม่กลับมา การเตรียมการเรื่องการค้าข้ามแดน (cross border)ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจภูมิภาคเติบโตได้สูงยิ่งขึ้น
นายภากร ฉายภาพต่อว่า ปีนี้เป็นปีแรกในรอบ 3 ปี ที่เห็นนักลงทุนต่างชาติได้กลับเข้ามาตลาดหุ้นไทย โดยมีเงินทุนเคลื่อนย้าย (Fund Flow) ขนาดใหญ่ไหลเข้ามาต่อเนื่องกว่า 4 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือซื้อสุทธิกว่า 1.8 แสนล้านบาทนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันหากดูเฉพาะเดือน ก.ค. มีเงินไหลเข้ามา 1 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.5 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกัน ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทย SET Index ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน แม้จะไม่ได้ขยับขึ้นสูง แต่พบว่าตลาดหุ้นต่างประเทศติดลบกันเยอะมากๆ หากว่าเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวเต็มที่ จากการเปิดประเทศมากขึ้น ภาคท่องเที่ยวกลับมาได้มากขึ้น จะเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจมากขึ้นด้วย