InnovestX  คาดหุ้นไทยแกว่งตัวไซด์เวย์ ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มองแนวรับ 1250/1244 ส่วนแนวต้าน 1268/1273

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้(9 ธ.ค.) คาด SET แกว่งไซด์เวย์/แกว่งลง มาตรการส่งเสริมการออม (ISA)อาจเสนอครม.วันนี้ เบื้องต้นอาจจะยังไม่ได้ส่งผลทันทีในแง่เม็ดเงินที่จะไหลเข้าตลาดเนื่องจากมีผล 1 ม.ค. 69 และแรงซื้อมักเข้ามาช่วงปลายปี ขณะที่ชายแดนไทย-กัมพูชามีโอกาสรุนแรงมากกว่าครั้งก่อนๆ ปัจจัยต่างประเทศ รอผลการประชุมเฟดจะรู้ผลเช้าพฤหัสบดี ทางเทคนิค ตลาดยืนเหนือ 1278 ไม่ได้กลับมาลง แนวรับถัดไป 1250 ไม่ควรลงหลุดอีก ลงต่ำกว่าเปิดความเสี่ยงขาลงใหม่ แนวรับ 1250/1244 แนวต้าน 1268/1273

ประเด็นสำคัญ

•    ครม. เศรษฐกิจเห็นชอบบัญชีการออมระยะยาว TISA ให้นำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้แต่อยู่ในเพดานลดหย่อนรวมทุกรายการไม่เกิน 8 แสนบาท มองยังไม่ได้กระตุ้น SET ในระยะสั้น แต่เป็นการปรับพฤติกรรมการออมการลงทุนระยะยาว หนุนให้ SET ผันผวนลดลงในระยะกลาง-ยาว ส่วนการยกเว้นภาษีเงินปันผลจาก TISA 2 แสนบาทแรกเมื่อถือเกิน 5 ปี จะดีต่อการลงทุนในหุ้นปันผลสูงที่ผันผวนต่ำ, ESG ดี อย่างหุ้นกลุ่มธนาคาร อาทิ BBL KTB TISCO KBANK KKP 

•    กองทัพภาค 2 เตือนความเสี่ยงฝ่ายกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่พื้นที่ชายแดน พร้อมขอประชาชนอยู่ในจุดปลอดภัย ขณะเดียวกัน รัฐบาลกำหนดเส้นตายหยุดยิงถึง 18.00 น. ในวันก่อน หากยังมีอาวุธหนักตกในฝั่งไทย จะใช้สิทธิป้องกันตนเองขั้นสูงสุด

•    รมว.พาณิชย์เผยเหตุปะทะชายแดนอาจทำให้การปิดดีลภาษีกับสหรัฐฯ ล่าช้า แม้ไทยยังย้ำความพร้อมเจรจาและไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ขณะผู้นำสหรัฐฯ เข้าใจสถานการณ์แล้ว ด้านการค้าชายแดนกัมพูชาหดตัวแรง รัฐบาลเตรียมมาตรการช่วยผู้ประกอบการและดูแลผลกระทบ

•    โปลิตบูโรจีนกำหนด “การกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ” เป็นวาระเศรษฐกิจปี 2026 เดินหน้าหนุนตลาดภายในและพลังการผลิตใหม่ พร้อมกลับมาใช้แนวคิด “นโยบายเชิงข้ามวัฏจักร” เพื่อเสริมการวางแผนระยะยาว โดยยังคงการคลังเชิงรุกและการเงินผ่อนคลายค่อยเป็นค่อยไป ก่อนงาน Central Economic Work Conference

•    ส่งออกจีนเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้นแรง +5.9%YoY ดุลการค้าสะสมรายปีทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ครั้งแรก สะท้อนการพึ่งพาการส่งออกยังสูง แม้ส่งออกสหรัฐฯหดตัวแรง แต่ยุโรป–ตลาดเกิดใหม่หนุนภาพรวม

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1230-1320 จุด ระหว่างรอปัจจัยชี้นำใหม่ ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญติดตาม ได้แก่ ผลประชุมนโยบายการเงินของเฟด (11 ธ.ค.) ซึ่งตลาดคาดเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 25bps สู่ระดับ 3.75% รวมทั้ง Dot Plot เพื่อดูทิศทางดอกเบี้ยและประมาณการเศรษฐกิจใหม่ปีหน้า ซึ่งจะมีผลต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกรวมถึงไทย ขณะที่ในประเทศติดตามกระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม. พิจารณามาตรการส่งเสริมการออมผ่านตลาดทุนภายใต้แนวคิดระบบ ISA เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้ไม่ต้องผ่าน LTF รวมทั้งเสนอคุมค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่เกินปีละ 8 แสนบาท ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

Daily Top Picks

KTB: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้น และมีโอกาสจ่ายปันผลสูงขึ้น คาดเงินปันผลในปี 2568–2570 ราว 2.15–2.35 บาท/หุ้น หรือ Div. Yield ราว 7.9-8.6% และมี Upside จากโครงการซื้อหุ้นคืน อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ที่ตํ่า เป้าหมายระยะสั้นที่ 29.50 บาท

ADVANC: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากโมเมนตั้มกำไรที่แข็งแกร่งใน 3Q68 ที่คาดว่าจะยังเกิดขึ้นต่อเนื่องใน 4Q68 สัญญาณ ARPU ระบบเติมเงินที่ใช้เป็นตัวชี้วัดโครงสร้างราคาเริ่มเพิ่มขึ้นจากผู้ใช้บริการเติมเงินรายใหม่เลือกแพ็กเกจ 200 บาท/เดือนแทน 150 บาท/เดือน ค่าใช้จ่ายการตลาดลดลงใน 4Q68 ช่วยหนุน เป้าหมายระยะสั้น 309 บาท