แนวโน้มตลาดวันนี้ ( 10 ก.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์/แกว่งขึ้น รัฐบาลใหม่มีโอกาสทยอยออกมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนการเลือกตั้ง 4 เดือนข้างหน้า เป็นความหวังหนุนตลาด ส่วนปัจจัยภายนอก การลดตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ช่วง เม.ย. 2567 ถึง มี.ค. 2568 ลงเกือบล้านตำแหน่งยิ่งหนุนให้เฟดลด ดบ.และบางส่วนมองลดถึง 50bps ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าวานนี้ยังหนุนเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยไม่มาก เทคนิคหากยังไม่หลุด 1260/1250 ยังไม่เสียแนวโน้มการแกว่งขึ้น แนวต้านประเมินที่ 1280/1285
ประเด็นสำคัญ
• นายกฯ เตรียมเดินหน้า “คนละครึ่ง” อาจปรับสัดส่วนรัฐบาลร่วมจ่ายเป็น 60% สำหรับผู้เสียภาษีเงินได้ เพื่อจูงใจเข้าระบบภาษีมาก และเพิ่มวงเงินใช้สิทธิ์ต่อวันเป็น 200 บาท นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย นายกฯ เผยต้องพิจารณาอีกครั้งเพราะต้องคำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง
• ครม.รักษาการ มีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) คงเดิมไว้ที่ 7% อีก 1 ปี มีผล 1 ต.ค. 2568–30 ก.ย. 2569 มอง Sentiment บวกต่อตลาดหุ้นไทยแต่ไม่มากนักเพราะทุกฝ่ายคาดไว้อยู่แล้ว โดยหุ้นที่ได้รับผลบวกจากผู้บริโภคไม่ถูกเพิ่มภาระภาษี ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (อาหาร-เครื่องดื่ม)
• จำนวน นทท. ต่างชาติเดินทางเข้าไทยในสัปดาห์ก่อน (1-7 ก.ย.) จำนวน 508,341 ทรงตัว WoW แต่หดตัว 5%YoY ซึ่งหดตัวลดลงจากช่วงก่อน สะท้อนสัญญาณการฟื้นตัวต่อเนื่อง โดย นทท. กลุ่มไม่รวมจีนพลิกขยายตัว 1%YoY แล้วขณะที่กลุ่ม นทท. จีนลดช่วงหดตัว YoY ลง ส่วนจำนวน นทท. ต่างชาติสะสมปีนี้จำนวน 22,387,187 คน หดตัว 7.1%YoY
• อิสราเอลโจมตีทางอากาศใส่ผู้นำกลุ่มฮามาสในกรุงโดฮาของกาตาร์ กาตาร์ชี้ว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ หลังการโจมตีดังกล่าวได้หนุนราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวขึ้น
• ซาอุฯ ลดราคาขายน้ำมันดิบ (OSP) สู่เอเชียใน ต.ค. 2568 ลง US$0.90-1.00/bbl จากก่อนหน้านี้ OPEC+ มีมติเพิ่มการผลิตต่อใน ต.ค. เป็นบวกต่อกลุ่มโรงกลั่นตามต้นทุนนำเข้าน้ำมันดิบที่ลดลง
• สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ ทบทวนตัวเลขการจ้างงานว่า จำนวนการจ้างงานนอกภาคเกษตรตลอด 12 เดือน (สิ้นสุด มี.ค. 2568) ปรับลง 9.11 แสนตำแหน่ง หรือเฉลี่ยลดลง 7.6 หมื่นตำแหน่งต่อเดือน ทำให้ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ชะลอตัวกว่าที่เคยรายงานไว้มาก
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสแกว่งตัวขึ้น หลังสถานการณ์การเมืองไทยมีความชัดเจนขึ้น รอติดตามการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งจะทำให้ความเชื่อมั่นการลงทุนฟื้นตัว โดยคาด Fund Flow จะทยอยไหลเข้าและประเมินแนวต้านที่ 1280/1300 ส่วนปัจจัยต่างประเทศสำคัญติดตาม ได้แก่ CPI ส.ค. ของสหรัฐฯ โดยตลาดคาดเพิ่มขึ้น 2.9%YoY เร่งตัวขึ้นจาก 2.7%YoY ใน ก.ค. ซึ่งหากเป็นไปตามคาดหรือไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยต่อใน ก.ย. นี้ ขณะที่การประชุมนโยบายการเงินของ ECB ในวันที่ 11 ก.ย. นี้คาดยังคงดอกเบี้ยไว้ที่เดิม กลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily Top Picks
BCH: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากแนวโน้มผลประกอบการที่จะดีขึ้นใน 2H68 โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มบริการใหม่ๆ มีสัญญาณบวกจากผู้ป่วยชาวคูเวตหลังจากที่ลดลงมาตั้งแต่กลาง 1Q67 ปัจจุบันหุ้น BCH ซื้อขายที่ PE ปี 2569 ระดับ 19 เท่า ต่ำกว่าระดับ -2SD valuation อยู่ในระดับต่ำประเมินราคาเป้าหมายระยะสั้นไว้ที่ 14 บาท
HTC: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นสั้นจากราคาหุ้น laggard หุ้นเครื่องดื่มที่ได้ประโยชน์จากโครงการคนละครึ่งมาก บริษัทใช้กลยุทธ์การออกสินค้าใหม่ และกระจายสินค้าทั้งในส่วนของ Cooler และ HORECA เพิ่ม รวมถึงการขยายกําลังการผลิตของขวดแก้วใน หนุนการประหยัดต้นทุนในระยะยาวประเมินราคาเป้าหมายระยะสั้นไว้ที่ 15.40 บาท