บมจ. ฐิติกร เผยแผนธุรกิจปี 65 ตั้งเป้าลูกหนี้เช่าซื้อรถมอไซด์โต 40% พอร์ตแตะ 5.5 พันล้าน เร่งขยาดีลเลอร์อีก 500 ร้านในไทย ส่วนต่างประเทศเปิดเพิ่มอีก 3 แห่ง กลางปีนี้จะเปิดรับจำนำทะเบียนรถ และภายในปีนี้จะเปิดบริการสินเชื่อบุคคลต่อไป รวมถึงธุรกิจนายหน้าประกันที่ตั้งบริษัทใหม่ "TK Broker"ด้วย เผยช่องทางบริการออนไลน์เริ่มเติบโตดีทั้งแอปฯและไลน์
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2565 นี้ TK จะเดินหน้ารุกตลาด โดยได้ตั้งเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรวมเติบโต 40% โดยพอร์ตเช่าซื้อรวมคาดว่าจะอยู่ที่ 5,550 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2565 จาก 3,949 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 ซึ่งจะเป็นลูกหนี้เช่าซื้อรวมที่เติบโตจากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งเติบโตจากธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ TK และจากรายได้อื่น ๆ โดยเฉพาะรายได้จากธุรกิจใหม่ที่ TK เพิ่งได้รับใบอนุญาตเพิ่มเติมของบริษัทย่อยที่ TK ถือหุ้น 99.99% ทั้งธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย ของบริษัท ทีเค โบรคเกอร์ จำกัด (TK Broker) สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน หรือ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ และสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน หรือ สินเชื่อส่วนบุคคล ของ บริษัท ทีเค เงินทันใจ จำกัด
“TK กำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจด้วยการบริหารการเงินอย่างระมัดระวัง เน้นรักษาสถานะเงินสดของบริษัทฯ ในระดับที่พร้อมลงทุนและเติบโตได้ทันที ซึ่งในปี 2565 นี้ บริษัทฯ พิจารณาสถานการณ์ในภาพรวมแล้วและเห็นว่าเป็นจังหวะที่เราจะรุกและลุยตลาด เพื่อเติบโตในธุรกิจเดิมที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ ควบคู่กับการสร้างรายได้เพิ่มเติมจากบริการใหม่ที่ต่อยอดจากบริการเดิม นอกจากนี้ เรายังมองเห็นโอกาสที่จะเติบโตในตลาดต่างประเทศที่ TK มีธุรกิจอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่ กัมพูชา และ สปป. ลาว” นางสาวปฐมากล่าว
นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ. ฐิติกร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้การเติบโตของบริษัท คาดว่าจะมาจากธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศเติบโต 40%จากปีก่อนและธุรกิจในต่างประเทศทั้งในกัมพูชาและ สปป. ลาว จะเติบโตรวม 30% ที่สำคัญคือ TK จะมีรายได้จากบริการใหม่ ทั้งจากบริการสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อจำนำทะเบียน และนายหน้าประกันวินาศภัย ซึ่งเป็นรายได้เพิ่มเติมจากเดิม
“ธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศ เรามีแผนที่จะขยายให้บริการ Dealers รถจักรยานยนต์อีก 300 ร้าน เป็น 800 ร้านในปีนี้ และเพิ่มยอดขายให้พันธมิตรเดิมและเพิ่มช่องทางในการให้บริการ โดยได้นำดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการผ่าน TK Plus แอพพลิเคชั่น และ Line @ TK Plus ซึ่งปัจจุบันมีผู้ดาวน์โหลด กว่า 140,000 ราย และกว่า 90,000 ราย ตามลำดับ ซึ่งมีลูกค้าใช้ช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ TK สามารถลดต้นทุนในการบริหารลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากที่ TK ระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อต่อเนื่องมา 3 ปี ซึ่งปีนี้ เราตั้งเป้ากลับมาเติบโตอีกครั้ง หลังจากได้รับการตอบรับจากดีลเลอร์รถจักรยานยนต์เป็นอย่างดีในไตรมาส 4 ของปี 2564 ที่ผ่านมา "นายประพลกล่าว
ส่วนตลาดต่างประเทศในกัมพูชาและ สปป. ลาว บริษัทฯ มีแผนจะเพิ่มจำนวนสาขาอีก 3 สาขา รวมทั้งสิ้นเป็น 19 สาขา ภายในสิ้นปี 2565 นี้ ด้านบริการใหม่ต่าง ๆ TK จะเริ่มให้บริการนายหน้าประกันวินาศภัยและสินเชื่อจำนำทะเบียนในไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยจะให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนเป็นพิเศษเฉพาะกับลูกค้า TK ที่มีอยู่ในดาต้าเบสของ TK กว่า 3 ล้านราย ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลจะกำหนดกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนต่อไป
ทั้งนี้ เป้าหมายดังกล่าวยังคงมีตัวแปรซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่เหนือการควบคุม ทั้งสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งบริษัทฯ คาดหวังว่าการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนจะไม่รุนแรง ไม่เกิดการระบาดเวฟใหม่ที่รุนแรงกว่าจนต้องปิดประเทศ และสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะยุติได้ในไม่ช้า รวมทั้งประเด็นเกี่ยวกับการกำหนดเพดานดอกเบี้ยตามร่างประกาศสัญญาเช่าซื้อของภาครัฐที่บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์จะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ส่งเสริมให้มีการแข่งขันอย่างเสรี เพื่อประโยชน์กับภาคประชาชนในการเข้าถึงแหล่งเงินได้โดยไม่ต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบ
สำหรับผลดำเนินงาน ปี 2564 TK มีรายได้ 2,002 ล้านบาท ลดลงจากปี 2563 ที่อยู่ 2,548 ล้านบาท ส่วนกำไร 471 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่อยู่ 367 ล้านบาท โดยบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 0.50 บาท ขึ้น XD (ไม่มีสิทธิรับเงินปันผล) วันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา และจ่ายเงินปันผล 19 พ.ค. ที่จะถึงนี้