แนวโน้มตลาดวันนี้ (17 ต.ค.) บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดไซด์เวย์/พักตัว ตลาดไม่ผ่าน 1300 ที่ให้ไว้ ตลาดกลับมามีแรงกดดันหลังโฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนประเมินว่าการควบคุมแร่หายากของจีนเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายและสหรัฐฯ บิดเบือนเกินความจริงกดดันตลาดและความกังวลเรื่องสินเชื่อธนาคารสหรัฐฯคุณมิแรนหนุนเฟดลดดอกเบี้ยต่อ แต่ตลาด Priced In แล้ว สัปดาห์หน้าติดตามการ Action Plan กระทรวงพลังงาน การประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีน 4th Plenum เทคนิคติด 1300 หากยังบวกไม่ควรหลุด 1280/1270
ประเด็นสำคัญ
• ม. หอการค้าไทยประเมิน “คนละครึ่งพลัส” และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจะหนุน GDP ใน 4Q68 เติบโตเพิ่มขึ้น 0.5-0.8% หนุนให้ GDP ปี 2568 เติบโตแตะ 2.0-2.2% และประเมินประชาชนจะเร่งใช้ “คนละครึ่งพลัส” ภายใน 10-12 วัน ทำให้ ศก. ไทยในช่วง พ.ย. 2568 น่าจะมีความคึกคัก โดยเฉพาะช่วงวันลอยกระทง (5 พ.ย.)
• กกพ. ขานรับ Direct PPA และ 4 โครงการโซลาร์ตามนโยบาย Quick Big Win และเสนอ รมว. พลังงานพิจารณาการสนับสนุนภาคธุรกิจผลิตไฟฟ้าสะอาดใช้เอง และดูแลค่าไฟฟ้าให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และมองช่วงเวลาดังกล่าวเหมาะสมในการชำระคืนภาระต้นทุนคงค้าง (AF) ต่อ กฟผ. เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับระบบไฟฟ้า
• ม. หอการค้าไทยประเมินช่วงเทศกาลกินเจระหว่างวันที่ 21-29 ต.ค. 2568 จะมีเงินสะพัดราว 4.6 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 2%YoY สูงที่สุดในรอบ 5 ปี สะท้อนสถานการณ์ช่วงเทศกาลที่เป็นปกติ แต่ประชาชนยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย
• เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประเมินว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลาง หรือ US Shutdown ที่ดำเนินมากว่า 2 สัปดาห์ จะทำให้ ศก. สหรัฐฯ เสียหายมากถึง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อสัปดาห์ ด้าน รมต. คลังสหรัฐฯ เปิดเผยในการแถลงข่าวว่า US Shutdown เริ่มส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพของ ศก.
• TSMC ประกาศกำไรสุทธิใน 3Q68 ที่ 1.48 หมื่นล้านดอลลาร์ เติบโต 39%YoY สูงกว่าที่ตลาดคาด ตอกย้ำอุปสงค์ชิปสำหรับอุตฯ AI ที่ยังแข็งแกร่ง และเม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาลจากบริษัทเทคฯ ชั้นนำระดับโลกที่ลงทุนสร้าง Data Center
กกลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสแกว่งตัวไซด์เวย์รอปัจจัยหนุนใหม่ๆ ปัจจัยในประเทศติดตามรัฐบาลมีแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกสัปดาห์ซึ่งคาดจะมีส่วนช่วยประคองตลาด ในสัปดาห์นี้คาด รมว. คลังจะเสนอ ครม. พิจารณามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง ส่วนปัจจัยต่างประเทศ คาดกรณีสหรัฐฯ ขึ้นภาษีกับจีน 100% มีท่าทีประณีประนอมมากขึ้น ประเมินผลกระทบต่อหุ้นไทยจำกัด แต่ความผันผวนของตลาดมีโอกาสเพิ่มขึ้น ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ CPI, PPI และยอดค้าปลีก ก.ย. 2568 แม้ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น MoM แต่การชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจทำให้งดเผยแพร่ได้ซึ่งอาจทำให้ตลาดขาดข้อมูลชี้นำ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily Top Picks
ADVANC: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากแนวโน้มกำไร 3Q68 ที่มีโอกาสเติบโตแข็งแกร่ง +31.9%YoY จากรายได้ Mobile คาดโต +4.8%YoY (EPL Bundling) และ Fixed Broadband +7.6%YoY รวมถึงต้นทุนลดจากสัญญาสัมปทานประมาณ 300 ลบ. ประเมินราคาเป้าหมายระยะสั้น 302 บาท
FTREIT: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากประโยน์จากการไหลเข้าของสินค้าจีนทะลักเข้ามาไทย ภายหลังสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่กลับมาเร่งตัวขึ้น ด้าน Valuation ยังไม่แพงซื้อขายที่ PER 11.8 เท่า ที่ระดับ -1S.D. ของ P/NAV และประเมินกำไรปี 2568 ยังเติบโต 6.3% และอัตราเงินปันผลในปี 2569 ที่ 7.5% ราคาเป้าหมายระยะสั้น 10.80 บาท