KKP โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 65 กำไร 2,055.35 ล้าน เพิ่มขึ้น 40.5% เหตุตั้งสำรองลด รายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมพุ่ง
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ได้รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีกำไรสุทธิ 2,055.35 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.43 บาท เพิ่มขึ้น 40.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 1,462.67 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.73 บาท
กำไรที่เพิ่มขึ้นโดยหลักจากการเพิ่มขึ้นของผลประกอบการในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทั้งในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจการให้สินเชื่อ รวมถึงค่าใช้จ่ายสำรองที่ปรับลดลงตามคุณภาพของสินเชื่อที่ยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ดี
สำหรับไตรมาส 1/2565 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับเพิ่มขึ้น 12.4% จากการที่สินเชื่อของธนาคารมีการขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาจากการที่ธนาคารมุ่งเน้นการขยายสินเชื่อไปในประเภทที่ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม และมีคุณภาพสินเชื่อที่ดี โดยสำหรับไตรมาส 1/2565 สินเชื่อเติบโต 6.6% ในส่วนของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 19.8% โดยเป็นการปรับเพิ่มทั้งในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ และรายได้อื่นๆ โดยหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่านายหน้าประกัน รายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลกัทรัพย์โดย บล. เกียรตินาคินภัทร ยังคงมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง โดยมีส่วนแบ่งตลาดสำหรับไตรมาส 1/2565 ที่ 18.74% นอกจากนี้รายได้จากธุรกิจการจัดการ
กองทุนปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน ตามสินทรัพย์ภายใต้การจัดการที่ปรับเพิ่มขึ้น
ในด้านของค่าใช้จ่าย อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้สุทธิ สำหรับไตรมาส 1/2565ลดลง 38.4% จากการที่ธนาคารยังคงสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทางด้านการตั้งสำรองธนาคารยังคงรักษาความรอบคอบระมัดระวังในการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น โดยธนาคารมีการสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นสำหรับไตรมาส 1/2565 เป็นจำนวน 1,066 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี ก่อนตามคุณภาพสินเชื่อที่อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ดี โดยอตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นไตรมาส 1/2565 ลดลงอยู่ที่ 2.93% จากสิ้นปี 2564 ที่อยู่ที่ 3 % ทั้งนี้ธนาคารมีอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับสูงที่ 181.2%