กันกุลฯ เอาจริง ธุรกิจกัญชง-กัญชา ทุ่มเงินลงทุนกว่า 400 ล้านบาท ทั้งต้นน้ำและกลางน้ำ พาชมสมาร์ทฟาร์ม ใหญ่ที่สุดในอาเซียน จะเริ่มทยอย รับรู้รายได้ในไตรมาส 3 นี้ วางอนาคตธุรกิจกัญชง-กัญชา มีจะรายได้เป็น 1 ใน 3 ของรายได้รวมบริษัท 

บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จํากัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานทดแทนแบบครบวงจร และธุรกิจระบบไฟฟ้า ซึ่งได้แตกไลน์ธุรกิจสู่ธุรกิจกัญชง-กัญชา ตอนแรกนักลงทุนหลายรายปรามาศว่า คงเป็นแค่เกาะกระแส หวังดันราคาหุ้น คงไม่ได้ทำแบบจริงๆ จังๆ ซึ่งแอดมินก็คิดคล้อยตามคำบอกเล่าของนักลงทุน เพราะธุรกิจพลังงานที่ GUNKUL ทำอยู่ทุกวันนี้ก็มีรายได้ และกำไรจำนวนมาก แล้วจะทำไปเพื่อ...

แต่หลังจากเมื่อวันหยุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้บริหาร GUNKUL นำโดย ดร.สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้พาไปเยี่ยมชมฟาร์มกัญชง ที่ห้วยบง โคราช และโรงสกัด CBD ที่คลอง 11 ปทุมธานี ความคิดของแอดมินเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง บอกได้เลยครับว่า GUNKUL ไม่ได้มาเล่นๆ หรือเกาะกระแสเหมือนที่นักลงทุนบางรายคิด แต่เอาจริงเอาจังกับธุรกิจกัญชงแบบเต็มที่ หมายมั่นปั้นมือให้เป็นอีกหนึ่งใน New S-Curve ที่มาต่อยอดสร้างรายได้กับ GUNKUL 

ปัจจุบัน GUNKUL ทุ่มเงินลงทุนไปแล้วกว่า 400 ล้านบาท เพื่อลุยธุรกิจกัญชง-กัญชา ตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ และกลางน้ำ ผ่านบริษัท จี.เค.เฮมพ์ กรุ๊ป จํากัด (GKHG) สร้างโรงเรือนเพาะปลูกกัญชง-กัญชา ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ภายใต้จัดการของบริษัท GK Smart Farming บนพื้นที่ภายในวินด์ฟาร์มของตัวเองที่ห้วยบง โคราช พื้นที่ปลูกรวม 15 ไร่ มีจำนวน 6 โรงเรือน แบ่งเป็น 5 โรงเรือนเพราะปลูกในระบบ Green House ควบคุมแสงและอุณหภูมิตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการปลูกแบบ Hydroponics ไร้สารปนเปื้อนด้วยระบบน้ำ Revers Osmosis sinv หรือ OR  และ 1  โรงเรือนในระบบอินดอร์ โดยจะเป็นห้องเพาะชำต้นกล้า ซึ่งมีทั้งการเพาะแบบ Hydroponics หรือปลูกไร้ดิน และเพาะปลูกด้วยพีทมอส ก่อนจะนำไปปลูกในโรงเรือน

ซึ่งเท่าที่แอดมินเคยเยี่ยมชมฟาร์มกัญชง และกัญชา ในที่ต่างๆ บอกได้เลยว่า ที่นี่เป็นโรงเรือนที่มีมาตรฐานค่อนข้างสูง และใช้เงินลงทุนค่อนข้างเยอะ โดยช่วงเริ่มต้นเน้นไปที่การปลูกกัญชงเป็นหลัก  

โดยพื้นที่  1 ไร่ ปลูกกัญชง ในระบบ Green House ได้ประมาณ 1,700 ต้น และเมื่อถึงรอบเก็บเกี่ยวผลผลิต หรือ ตัดช่อดอก ได้ประมาณ 500 กิโลกรัม ( 1 รอบการผลิตประมาณ 3 เดือนเศษ หรือ 1 Crop) ซึ่งราคาช่อดอกกัญชง ปัจจุบันตกกิโลกรัมละ 20,000 – 50,000 บาท

นอกจากนี้ ยังลงทุนสร้างโรงสกัดสาร CBD จากกัญชง-กัญชา ระดับ Medical Grade ที่คลอง 11 อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ภายใต้บริษัท G.K.Bio Extraction Co.,Ltd ( GBE)  

หลังเก็บเกี่ยวผลผลิต ก็จะนำช่อดอกส่งไปที่โรงสกัด ที่คลอง 11 ปทุมธานี สามารถสกัดออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ CBD Full Spectrum oil ไปจนถึง CBD Water soluble ซึ่งสามารถนำไปเป็นผสมในอาหารและเครื่องดื่มได้ทันที 

ปัจจุบัน  GUNKUL ได้เซ็นสัญญาในการขายผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าแล้ว 3 ราย ประกอบด้วย เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม และร้านอาหาร แบล็ค แคนยอน (Black canyon) และอยู่ระหว่างเจรจากับ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด 

โดย GUNKUL จะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจกัญชงในไตรมาส 3 ปีนี้ คาดว่าทั้งปีจะมีรายได้ประมาณ 60 ล้านบาท และคาดว่าปีหน้า(2566) รายได้จะแตะระดับ 1,000 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 2 ปีหน้า มีแผนจะขยายพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มอีก 22 ไร่ สร้างโรงเรือนจำนวน 8 โรงเรือน

ทั้งนี้ หลังจากรัฐบาลปลดล็อคกัญชา GUNKUL ก็มีแผนปรับไปปลูกกัญชาด้วย และได้เริ่มปลูกในเดือน ส.ค. คาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตล็อตแรกเดือน ธ.ค. ซึ่งปัจจุบันช่อดอกกัญชา กิโลกรัม 70,000 – 120,000 บาท

โดย GUNKUL คาดหมายว่า ธุรกิจกัญชง-กัญชา เป็นอีกหนึ่งใน New S-Curve  จะสร้างรายได้เป็น 1 ใน 3 ของรายได้รวมของบริษัท

ซึ่งจากงบไตรมาส 2 GUNKUL มีรายได้รวม 2,378.29 ล้านบาท และมีกำไร  778.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.61% เทียบงวดเดียวกันปีก่อน 523.72 ล้านบาท    

ส่วน 6 เดือนแรกของปี 2565  มีรายได้รวม 4,676.04 ล้านบาท และมีกำไร 1,281.67 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น  13.20%  เทียบงวดเดียวกันปีก่อน 1,132.31 ล้านบาท