Market

TPIPLเดินหน้าฎีกา หลังศาลอุทธรณ์พิพากษาชดใช้เงิน4.35พันล้าน
18 พ.ย 2564

ทีพีไอโพลีน เดินหน้าขอฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ พิพากษาคดีแพ่ง 2 คดี กรณีถูกกล่าวหาลักลอบเอาแร่หินอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ให้นำกลับไปถมคืนพื้นที่เดิมรวมกว่า 33 ล้านเมตริกตัน หรือชดใช้เป็นเงินรวม 4.35 พันล้านบาท ชี้ยังไม่บันทึกหนี้ เพราะคดียังไม่สิ้นสุด   

นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด(มหาชน) หรือ TPIPL เปิดเผยว่า จะใช้สิทธิฎีกาและขอทุเลาการบังคับคดี กรณีที่ศาลอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 17 พ.ย.2564 ได้มีคำพิพากษาในคดีแพ่ง หมายเลขคดีดำ สว. 4/2559 และสว.6/2559 ที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นโจทย์ยื่นฟ้องบริษัท ตามพรบ.แร่ และพรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กรณีถูกกล่าวหาลักลอบเอาแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ 

โดยคดีดำหมายเลขคดีดำ สว. 4/2559 ได้พิพากษาตามศาลชั้นต้น ให้บริษัทนำเอาแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์จำนวน 31.52 ล้านเมตริกตัน ไปถมกลับคืนยังพื้นที่เดิม หรือให้ชำระเงินจำนวน 4,338.55 ล้านบาท โดยแก้ไขการคิดดอกเบี้ยจากอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้นจำนวน 4,047.47 ล้านบาท  เป็นร้อยละ 5ต่อปี บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี แต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี 
 
ส่วนคดีดำหมายเลขคดีดำ สว. 6/2559 มีคำพิพากษาตามศาลชั้นต้น ให้บริษัทนำเอาแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ จำนวน 2.44 ล้านเมตริกตัน ไปถมกลับคืนยังพื้นที่เดิม หรือให้บริษัท ชำระเงินจำนวน 327.68 ล้านบาท โดยแก้ไขการคิดดอกเบี้ยจากอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้นจำนวน 314.31 ล้านบาท  เป็นร้อยละ 5% บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี แต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี 

นายประชัยกล่าวว่า ที่ต้องขอใช้สิทธิฎีกาและขอทุเลาการบังคับคดี เนื่องจาก ณ วันที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด บริษัท มีแร่หินอุตสาหกรรมในเขตประทานบัตรอยู่ประมาณ 600 ล้านเมตริกตัน และเมื่อครบอายุประทานบัตร บริษัท ยังคงมีแร่หินอุตสาหกรรมในเขตประทานบัตรอยู่จำนวนประมาณ 400 ล้านเมตริกตัน โดยบริษัทไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะลักลอบทำเหมืองแร่ตามที่ถูกกล่าวหา

เพราะแม้ว่าหากหักกลบลบหนี้ด้วยแร่หินอุตสาหกรรม จำนวน 600 ล้านเมตริกตัน กับจำนวนแร่หินอุตสาหกรรมที่ต้องคืนจำนวน 33.97 ล้านเมตริกตัน ก็จะยังเหลือแร่หินอุตสาหกรรมจำนวน 500 กว่าล้านเมตริกตัน หรือหักกลบลบหนี้จำนวนที่ต้องคืน 33.97 ล้านเมตริกตัน กับจำนวนแร่หินอุตสาหกรรมจำนวน 400 ล้านเมตริกตัน ก็ยังคงเหลือแร่หินอุตสาหกรรมอีกจำนวน 300 กว่าล้านเมตริกตัน 

ดังนั้น บริษัท จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลักลอบกระทำความผิด ที่ที่โจทย์อ้่งมาในฟ้อง นอกจากนี้ กรณีที่โจทย์ไปแจ้งความกล่าวหาว่าบริษัท กระทำความผิดอาญา ทางอธิบดีอัยการภาค 1 ได้มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง ตามที่พนักงานอัยการเจ้าของสำนวนได้มีคำสั่งไม่ฟ้อง และทางผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการและมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง บริษัท เพราะว่าไม่มีความผิดทางอาญาตามที่กล่าวหา ดังนั้นในส่วนของการเรียกร้องความรับผิดทางแพ่ง จึงไม่อาจเรียกร้องได้ และเนื่องจากคดีดังกล่าวยังไม่สิ้นสุด บริษัท จึงยังไม่ได้บันทึกประมาณการหนี้สินจากคดีดังกล่าวไว้ในงบการเงิน
 

-------------------------
ติดตามข่าวสาร ความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่
Facebook : Clubhoon
Website : www.Clubhoon.com
Twitter : www.twitter.com/Clubhoon1

  
 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com