หุ้นน้องใหม่ TPL หรือ บมจ.ไทยพาร์เซิล ผู้ประกอบธุรกิจจัดส่งสินค้าขนาดใหญ่ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันนี้เป็นวันแรก ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เปิดตลาดที่ 5.90 บาท จากราคาจองที่ 3.30 บาท สูงกว่าราคาจอง 2.60 บาท หรือ 78.79% และระหว่างชั่วโมงซื้อขายขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 6.00 บาท
นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL เปิดเผยว่า ราคามี่ซื้อขายถือส่าเหนือความคาดหมายจากที่เราตั้งใจไว้ซึ่งต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่าน ที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี เราจะดำเนินธุรกิจให้เติบโต ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง
สำหรับการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการให้บริการอย่างต่อเนื่องทั้งการลงทุนสร้างศูนย์คัดแยกและกระจายสินค้าระดับภูมิภาค (Regional Hub) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยกและกระจายสินค้า, การเพิ่มจุดให้บริการ (Drop Point) แก่ลูกค้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการใช้บริการ และการลงทุนในยานพาหนะทั้งรถบรรทุก 10 ล้อ และ 6 ล้อ ซึ่งใช้สำหรับการขนส่งในเส้นทางระหว่างภูมิภาค (Line Haul) เป็นหลัก และรถกระบะ 4 ล้อ ซึ่งใช้สำหรับการกระจายสินค้าสู่ผู้รับปลายทาง เพื่อให้บริษัทมีกองยานพาหนะที่สามารถให้บริการได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
รวมทั้งบริษัทฯยังมีแผนที่จะปรับกองยานพาหนะของบริษัทด้วยการนำรถบรรทุกซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้ามาใช้ภายในปี 2566 โดยเริ่มจากเส้นทางในเขตภาคกลางและภาคตะวันออก และจะเร่งพัฒนาศักยภาพเพื่อก้าวสู่การขนส่งด้วยระบบ"Green logistics" ช่วยลดมลภาวะที่เกิดจากฝุ่นละออง PM 2.5 ขณะเดียวกันบริษัทฯมีกลยุทธ์ในการดำเนินงานจะให้ความสำคัญกับพัฒนาบุคลากรและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการขนส่งและระบบสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการมากขึ้น
แม้การแข่งขันในธุรกิจขนส่งสินค้าจะรุนแรง แต่เรามีจุดแข็ง เพราะเป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ให้บริการจัดส่งสินค้าหรือสิ่งของในประเทศไทย ทั้งสำหรับภาคธุรกิจและบุคคลทั่วไป โดยบริการจัดส่งพัสดุทุกขนาด ทั้ง B2B, B2C และ C2C มีความโดดเด่นในด้านการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก (Odd size/Oversize) ทั้งยังสามารถตรวจเช็คสถานะขนส่งได้แบบ Real-time ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการมาอย่างยาวนานกว่า 18 ปี
"การระดมทุนในครั้งนี้จะผลักดันให้อนาคต TPL เป็นหุ้น High Growth เพราะทำให้เพิ่มศักยภาพการจัดส่งและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนสนับสนุนความสามารถทำกำไรสูงขึ้นช่วยผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน" นายภัทรลาภ กล่าว
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงาน ณ ไตรมาส1/2566 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 2.41 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.90% จากงวดเดียวกันปีก่อนเท่ากับ 18.04% และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) 0.53 เท่า