นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า จากวิกฤตการณ์ธนาคารเครดิต สวิส ของยุโรปที่เกิดขึ้นนั้น ตนมองว่า เป็นเพียง Sentiment จากต่างประเทศที่เกิดจากความไม่มั่นใจของนักลงทุนทั่วโลกต่อวิกฤตภาคธนาคารในสหรัฐและยุโรป ที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาร่วงแรงอีกครั้งในวันนี้
ในกรณีธนาคารเครดิต สวิส ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ Silicon Valley Bank (SVB) ล้มที่เกิดจากปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งแตกต่างกับธนาคารเครดิต สวิสที่มีปัญหาเก่าทางด้านการเงิน เนื่องจากการลงทุนที่ขาดทุน ซึ่งทำให้นักลงทุนทั่วโลกเกิดความไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ภาพรวม จึงสะท้อนมายังตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลดลงตาม Sentiment เดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมาท้้งธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ ได้ออกแนวทางเข้ามาดูแลปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่เกิดผลกระทบที่ตามมาเป็นลูกโซ่
“ปัจจุบันตลาดหุ้นทั่วโลกมีความเชื่อมโยงกัน และการเผยแพร่รับรู้ข่าวสารต่างๆรวดเร็ว นักลงทุนต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับข้อมูลที่ทยอยออกมา ซึ่งในช่วงแรกของเหตุการณ์ทุกคนต่างตกใจและมีความกังวลค่อนข้างมาก จากนั้นจะเริ่มค่อยๆทำความเข้าใจมากขึ้น ซึ่งตลาดหลักทรัพย์มองว่าตลาดหุ้นทั่วโลกในขณะนี้มีความเปราะบางและผันผวนค่อนข้างมาก อย่างตลาดหุ้นต่างประเทศดัชนีขึ้นลงวันละ 2-3% จากความวิตกกังวลเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดหุ้นไทยที่ผันผวนแม้ปรับตัวลงค่อนข้างมาก แต่ก็ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องมือดูแลตลาด” นายภากรกล่าว
สำหรับผลกระทบต่อธนาคารพาณิชย์ไทยนั้น นายภากร กล่าวว่า ธนาคารในต่างประเทศต่างกับธนาคารในไทย เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ของไทย มีธุรกิจหลักจากการรับฝากและปลาอยสินเชื่อให้แก่ลูกค้าในประเทศ ขณะที่มีความมั่นคงฐานเงินทุนก็ แต่ที่หุ้นแบงก์ถูกเทขายเป็นไปตาม Sentiment ตลาดเนื่องจากวิตกกังวลวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ
ส่วนที่มีข่าววิตกกังวลเครดิต สวิส จะขายหุ้นที่ถือในบริษัทจดทะเบียนของไทย พบว่าเป็นการให้บริการคัสโตเดียนแก่ลูกค้านักลงทุนของแบงก์มากกว่า ซึ่งไม่ใช่ธนาคารเครดิตสวิงเข้าลงทุนโดยตรง
นายภากร กล่าวว่า ผลกระทบของธนาคารเครดิต สวิส ต่อตลาดทุนไทยมีน้อยมาก โดยธนาคารเครดิต สวิสในประเทศไทย ให้บริการธุรกิจเกี่ยวกับด้านวาณิชธนกิจ (Investment Banking)และเป็นตัวกลางที่ปรึกษาทางการเงินให้ลูกค้าหรือPrivate Banking ซึ่งหากแบงก์ต้องปิด ลูกค้าก็สามารถเลือกใช้ผู้ให้บริการรายอื่นได้ ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยถือว่ามีน้อยมาก เพราะธนาคารครดิต สวิส ไม่ได้ให้บริการรับฝาก หรือให้สินเชื่อกับลูกค้าในไทย