งบไตรมาส 1 กลุ่มปตท.ไม่สดใส ส่วนใหญ่หดตัว ปตท.ขาดทุนสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันเกือบ 5 หมื่นล้าน กดกำไรเหลือ 25,570 ล้านบาท ลดลง 21% ทำให้ทั้งกลุ่มมีกำไรรวมกัน 53,630 ล้านบาท ลดลง 22% GPSC ลดลงมากถึง 84% มีแค่ 2 บริษัท TOP และ GGC ที่กำไรเพิ่มขึ้น
.
กลุ่ม ปตท. รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2565 ครบทุกบริษัทแล้ว โดยบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT เป็นบริษัทสุดท้ายที่ประกาศงบ ซึ่งภาพโดยรวมทั้งกลุ่มไม่ค่อยจะโดดเด่นมากนัก ส่วนใหญ่กำไรลดลง ทำให้ทั้งกลุ่ม มีกำไรรวมกัน 53,630.65 ล้านบาท ลดลง 22.08% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรรวมกัน 68,828.25 ล้านบาท
.
โดยในส่วนของปตท. มีกำไร 25,570 ล้านบาท ลดลง 21.53% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 32,587.61 ล้านบาท
.
สาเหตุที่ทำให้กำไรลดลงมาจาก ขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ จำนวน 48,979 ล้านบาท เพิ่มขึ้น โดยหลักมาจากขาดทุนสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์ เนื่องจากราคาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นของ PTTT GC PTTEP TOP และ PTTT LDN
.
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในแง่รายได้จากการขาย ยังเติบโตดี ในทุกกลุ่มธุรกิจ มีจำนวน 758,465 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน 58.7% ซึ่งเป็นผลจากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นตามราคาในตลาดโลก รวมถึงปริมาณขายโดยรวมที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
.
บริษัทในกลุ่ม ที่กำไรลดลงมากสุด คือ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ลดลงมากถึง 84.12% เหลือกำไรแค่ 313.21 ล้านบาท จากที่เคยกำไรเกือบ 2 พันล้านบาท สาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติ ถ่านหินปรับตัวสูงขึ้น กดกำไรกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็กลดลง
.
อีกบริษัทที่กำไรลดลงค่อนข้างเยอะ คือ ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC กำไรอยู่ที่ 1,501.08 ล้านบาท ลดลง 73% จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ลดลง และขาดทุนจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมัน
.
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เป็นอีกบริษัทที่กำไรลดลงเยอะถึง 57% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เหลือกำไร 4,211.66 ล้านบาท เพราะขาดทุนตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 8,500 ล้านบาท แต่หากพิจารณากำไรจากการดำเนินงานปกติ ยังเติบโตตามราคาน้ำมัน
.
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP แม้รายได้รวมเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้น แต่เพราะมีผลขาดทุนจากการประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน ทำให้กำไรลดลง 8.8% มาอยู่ที่ 10,519.02 ล้านบาท
.
และบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กำไรลดลง 3.9% เหลือ 3,845.10 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการชะลอปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล เพื่อลดภาระประชาชน
.
อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มปตท. มี 2 บริษัท ที่กำไรเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC กำไรไตรมาส 1/65 โตกว่า 461.74% มาอยู่ที่ 487 ล้านบาท หลังราคาขายและอัตรากำไรของธุรกิจไบโอดีเซลปรับตัวสูงขึ้น และ ยอดขายแฟตตี้แอลกอฮอล์ฟื้นตัวหลังผ่านการปิดซ่อมบำรุง
.
อีกบริษัท คือ ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP มีกำไรไตรมาส 1/65 เพิ่มขึ้น 113.76% อยู่ที่ 7,182.66 ล้านบาท เพราะรายได้จากการขาย 114,506 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41,057 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ตามราคาขายเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ และมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม ไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันเพิ่มขึ้น 3.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน น้ำมันอากาศยาน/น้ำมันก๊าด และ น้ำมันดีเซลที่ปรับตัวดีขึ้นมาก หลังหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง และ การเดินทางระหว่างประเทศซึ่งกำไรเติบโตมาจาก