โบรกเกอร์ คาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบ 1,520 - 1,540 จุด ขาดปัจจัยใหม่กระตุ้น นักลงทุนชะลอลงทุนติดตามผลประชุม FOMC ในสัปดาห์หน้า แนะเลือกซื้อเป็นรายตัว หุ้นที่กำไรไตรมาส 2 ยังคงเติบโต หุ้นที่ได้อานิสงส์ค่ายรถ EV ตั้งฐานผลิตเข้าไทย และหุ้นเข้าคำนวณ FTSE รอบใหม่
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้(7 มิ.ย.66) โดยมองว่าภาวะตลาดขาดปัจจัยใหม่กระตุ้น คาดดัชนีแกว่งตัว 1,520 - 1,540 จุด โดยคาดว่านักลงทุนจะชะลอการซื้อขาย เพื่อติดตามผลการประชุม FOMC ในวันที่ 13-14 มิ.ย.นี้ ที่คาดว่าคงดอกเบี้ย 5.00-5.25% หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว
นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง รวมถึงทศทางการไหลของเงินทุนต่างชาติ ที่ขายต่อเนื่อง จะกดดันทิศทางดัชนี
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ จึงแนะนำให้เลือกซื้อเป็นรายตัวต่อไป ใน 3 ธีมหลัก
- หุ้นที่แนวโน้มกำไร ไตรมาส 2 ยังคงเติบโต เช่น BBL KTB TTB KBANK SCB SAPPE ICHI
- หุ้นที่ได้รับอานิสงส์ค่ายรถ EV ตั้งฐานการผลิตในไทย เช่น AMATA WHA ROJNA NYT EV
- และหุ้นเข้าคำนวณ FTSE รอบใหม่ Large Cap ( MAKRO TRUE ) Mid Cap ( BEM BTG DIF ITC SAPPE SISB SNNP SCAP ) มีผล 19 มิ.ย.
สำหรับ หุ้นแนะนำวันนี้
- MTC (ราคาเป้าหมาย 49 บาท) อัตราเงินเฟ้อไทยเดือน พ.ค.ร่วงแรงทำสถิติต่ำสุดในรอบ 21 เดือน ลดแรงกดดันต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยของแบงก์ชาติ ตอกย้ำมุมมองเราว่าแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้สิ้นสุดแล้วส่งผลบวกโดยตรงต่อกลุ่มไฟแนนซ์
- BDMS (ราคาเป้าหมาย 37 บาท) ราคาหุ้นลดลงสะท้อนข่าวผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้นไปแล้ว ปัจจัยพื้นฐานรวมยังไม่เปลี่ยน กำไรสุทธิยังเติบโตดีใน 2Q23 และจะเร่งตัวขึ้นในช่วง 3Q23 เนื่องจากเข้าสู่ช่วง High Season ราคาหุ้นที่ลดลงจึงเป็นโอกาสเข้าซื้อ
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) อัตราเงินเฟ้อไทยเดือน พ.ค. ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 21 เดือน: ก.พาณิชย์รายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน พ.ค. ลดลงสู่ระดับ 0.53% จาก 2.67% ในเดือน เม.ย. ต่ำกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 1.7% เช่นเดียวกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงสู่ระดับ 1.55% จาก 1.66% ในเดือน เม.ย. ต่ำกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 1.6%
(+/-) ตลาดหุ้น, ตลาดน้ำมันสหรัฐพักตัวเพื่อรอปัจจัยหนุนใหม่: ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 10.42 จุด (+0.03%) ปิดที่ระดับ 33,573 จุด, ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 41 เซนต์ (-0.6%) ปิดที่ 71.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาดไม่มีปัจจัยหนุนใหม่นักลงทุนรอดูตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ค. ของสหรัฐและ FED Meeting ในสัปดาห์หน้า
(+/-) วันนี้ติดตามจีนรายงานตัวเลข ส่งออก/นำเข้า เดือน พ.ค. ให้โฟกัสที่ยอดนำเข้า: เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของไทยหากจีนมียอดนำเข้าเพิ่มขึ้นจะส่งผลบวกโดยตรงต่อยอดส่งออกของบ้านเรา อย่างไรก็ตามผลสำรวจเบื้องต้นตลาดยังมองลบโดยคาดยอดส่งออกจีนเดือน พ.ค.จะหดตัว 0.4%yoy และคาดยอดนำเข้าหดตัว 8%yoy