แนวโน้มตลาดวันนี้ (23 ก.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์/รีบาวด์ได้ที่แนวรับนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อแต่เริ่มลดระดับลง ในขณะที่ค่าเงินบาทหากยังชะลอการอ่อนค่าต่อจะเริ่มเป็นสัญญาณบวก ตลาดติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ ที่น่าจะมีความชัดเจนออกมาในช่วงต่อจากนี้หลังถวายสัตย์ฯ วันที่ 24 ก.ย. ทางเทคนิค การปรับตัวลงมาต่อเนื่องเริ่มเปิดโอกาสในการรีบาวด์โดยเฉพาะที่แนวรับ 1280/1276 ที่จะทำให้มีช่วงดีดกลับได้ ส่วนการปรับตัวขึ้นมีแนวต้านที่ 1290/1293

ประเด็นสำคัญ

• นายกฯ และว่าที่ รมว. คลังเตรียมจัดตั้งทีมงานพิเศษเพื่อดูแลการแข็งค่าของเงินบาทโดยเฉพาะ หลังบาทแข็งค่าทำสถิติในรอบ 4 ปี ซึ่งกระทบต่อการส่งออกและภาคท่องเที่ยว รวมถึงการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนและการเพิ่มสภาพคล่องในระบบ ศก. ผ่าน ธพ. เพื่อฟื้นฟู ศก. ไทยในระยะสั้น

• IMF แนะรัฐบาลไทยลดหนี้สาธารณะให้ต่ำกว่าระดับ 60% ของ GDP ในระยะกลาง เพื่อสร้างพื้นที่ทางการคลังไว้สำหรับรับมือวิกฤตในครั้งหน้า แม้ล่าสุดจะอยู่ต่ำกว่าระดับเพดานที่กำหนดไว้ที่ 70% ที่ 64.5% หรือ 12.12 ล้านลบ. และเตือนให้ลดการดำเนินมาตรการกึ่งการคลัง เช่น การอุดหนุนรัฐวิสาหกิจ และลดการกู้เงินนอกงบฯ

• ประธานรัฐสภาคาดว่าการแถลงนโยบายของนายกฯ ต่อรัฐสภาจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 ต.ค. 2568 เป็นเวลา 2 วัน ซึ่งตรงกับวันประชุมสภาผู้แทนฯ กำหนดการที่แน่นอนจะขึ้นกับข้อตกลงของวิปทั้ง 3 ฝ่าย

• ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี และ 5 ปีที่ 3.0% และ 3.5% ตามลำดับ สวนทางกับเฟดที่เริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินและลดดอกเบี้ยในสัปดาห์ก่อน

• สนามบินนานาชาติฮ่องกงอาจตัดสินใจปิดให้บริการชั่วคราวเพื่อรับมือไต้ฝุ่นรากาซา (Ragasa) ที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปีตั้งแต่วันนี้ (23 ก.ย.) เป็นเวลา 36ชั่วโมง ส่วน THAI ได้แจ้งยกเลิกเที่ยวบินกรุงเทพฯ-ฮ่องกง ในวันที่ 23-24 ก.ย. นี้

• อัลเบอร์โต มูซาเลม และราฟาเอล บอสติก กรรมการเฟดชี้ว่าการลดดอกเบี้ย 0.25% เหมาะสมต่อความเสี่ยงการว่างงาน แต่การฉุดเงินเฟ้อให้ลดลงยังคงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก นักลงทุนจับตาคุณพาวเวลแถลงที่ Greater Providence Chamber of Commerce คืนวันนี้

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักฐานหรือแกว่งตัวในกรอบแคบ หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ปัจจัยในประเทศยังอยู่ระหว่างรอติดตามแผนการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะมีผลต่อการเรียกความเชื่อมั่นการลงทุนให้ฟื้นตัวและการไหลเข้าของ Fund Flow ในระยะถัดไป ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ PMI และ PCE ซึ่งหากออกมาแย่กว่าตลาดคาด จะมีผลต่อการพิจารณาตัดสินใจเร่งลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในระยะถัดไป อย่างไรก็ดีมอง SET เริ่มมี Upside จำกัดและอาจชะลอการขึ้นสั้นบ้าง หลังดัชนีปรับขึ้น 19% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แต่ Downside ยังจำกัดเช่นกัน หลังเริ่มเห็น Fund Flow ชะลอการขาย ประเมิน SET มีแนวต้านบริเวณ 1320 และมีแนวรับ 1280 ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”

Daily Top Picks

CENTEL: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว โรงแรมมัลดีฟส์คาดได้แรงหนุนจาก High Season ใน 4Q68 และธุรกิจร้านอาหารในไทย (สัดส่วน 52% ของรายได้ใน 1H68) มีโอกาสได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของรัฐบาล Valuation ไม่แพง เทรดต่ำกว่า -0.5SD ราคาเป้าหมายระยะสั้นที่ 34 บาท

GLOBAL: ราคาหุ้นมีแรงหนุนระยะสั้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐที่มีโอกาสออกมาในช่วงต่อจากนี้และความเสี่ยงของน้ำท่วมเป็นปัจจัยหนุน โมเมนตัม SSS ใน 3Q68 มีพัฒนาการเด่นในกลุ่มค้าปลีก คาดว่า SSS ในครึ่งหลังของปีจะดีขึ้นจากฐานต่ำ และมีอุปสงค์เพื่อซ่อมแซมหลังน้ำลด ราคาเป้าหมายระยะสั้นที่ 8.20 บาท