Market

DELTA เจอเจ้ามือแรงสั่นสู้โควิดโอไมครอน ร้อนปรอท 2 วัน พุ่ง 10% ท้ายตลาดมีแรงทุบ
30 พ.ย 2564

เจ้าแรงจริง หุ้น DELTA  เด้ง 2 วัน กว่า 10% ทุบราคาช่วงท้ายตลาด  ด้านผู้บริหารเชิญนักลงทุนสงสัยส่งคำถามได้ที่อีเมลบริษัท พร้อมตอบวันประชุมผุ้ถือหุ้นฯปี 2565 โบรกเกอร์ 3 ราย คาดผลงาน Q 4 อัตรากำไรลดลง พร้อมแนะ “ขาย” ชี้หุ้นแพง  ให้ราคาเป้าหมายเต็มที่ 380 บาท

 

ต้นสัปดาห์ หุ้นร้อนแรงกลับมาอีกแล้ว เจ้าทรงหุ้น บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA พุ่งขึ้นสวนตลาดขาลงพิษโควิด Omicron 

 

เปิดต้นสัปดาห์ DELTA วิ่งปรู้ดปร้าด 2 วันติดกัน ดีดเด้งไปถึง 10% จากราคาเปิดเช้าวันจันทร์ (29 พ.ย.) ที่  426 บาท ขึ้นสูงสุด 456 บาท และปิดตลาด 442 บาท บวก 24 บาท หรือ 5.74% และเช้าวันนี้ (30 พ.ย.) หุ้นวิ่งต่อแตะสูงสุด 472 บาท และพักฐานอยู่แถว 464 บาท บวกอีก 22 บาท หรือเกือบ 5%พร้อมกับทุบราคาลงท้ายตลาดเหลือ 446 บาท บวก 4 บาท หรือ 0.9% โดยหุ้นติด Top 10 วอลุ่มสูงสุดทั้ง 2 วัน ขณะที่ภาพตลาดหุ้นร่วงหนัก 40  จุด SET ปิดต่ำกว่า 1,600 จุดหลังเจอข่าวโควิดพันธุ์ใหม่ลากทั่วโลกรูด

 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน หุ้น DELTA มีค่า PE อยู่ที่ 89.14 เท่า และ P/BV อยู่ที่ 13.90 เท่า  มูลค่าทางบัญชี (BV) 31.79 บาท 

 

ถามว่า หุ้น DELTA ทำไมกลับมาวิ่งอีก ไม่มีใครตอบได้  รู้แต่ว่า ทุกเดือน หุ้นจะมีจังหวะขึ้น 4-5% เป็นรอบๆ และถ้าวันไหนหุ้นปรับตัวลงต่ำ 400 บาท  วันถัดไปจะมีแรงดันให้ยืนได้เหนือ 400 บาททันที อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ก็ได้เคยถามไปยังผู้บริหารบริษัทแล้ว แต่ก็ได้รับคำตอบว่า บริษัทยังไม่มีพัฒนาการใดๆที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐาน DELTA 

 

สอดรับกับบทวิเคราะห์ของบล. CGS เมื่อกลางเดือนพ.ย. ที่ผ่านมา ระบุว่า แนวโน้มการทำกำไรในไตรมาส 4 /21 จะทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ที่มีรายได้ 2.13 หมื่นล้านบาท แม้เพิ่มขึ้น 22%จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และบวก 3% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ)  แต่กำไรสุทธิลดเหลือ 1.2 พันล้านบาท ลดลง 52%จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากอัตรากำไรขั้นต้น(GPM) แตะจุดต่ำสุดในรอบ 2 ปี ที่19.2% จากต้นทุนชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่ปรับสูงขึ้น

 

ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาส 4 คาดว่าทรงตัว QoQ ได้ เนื่องจากยอดขายจากกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า EV และศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล (data center) ที่โตขึ้นจากการปฏิรูประบบดิจิทัลทั่วโลก จะถูกหักลบจากแรงกดดันที่มีต่ออัตรากำไร  ซึ่งเป็นผลมาจากสภาวะขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์อย่างต่อเนื่อง  

 

พร้อมกับคาดการณ์ปี 2564 รายได้รวม  8.19 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ 1 .66 หมื่นล้านบาท แต่ช่วง 9 เดือน มีรายได้รวม 6.1 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 1.27 หมื่นล้านบาท  ส่วนปี 2565 คาดว่ากำไรจะกลับมาเติบโต จากการเติบโตในกลุ่มระบบโครงสร้างพื้นฐาน บวกกับ GPM ในกลุ่มพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่ฟื้นตัวขึ้น จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของกำไรได้และคาดว่ากลุ่มคลวด์ (cloud)  data center และอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง (IoT) จะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักต่อกำรเติบโตในครั้งนี้

 

อย่างไรก็ตาม บล. CGS ยังคงคำแนะนำ “ขาย” และปรับลดราคาเป้าหมายลดง 23% เป็น  227 บาท คำนวณด้วย PER ปีหน้า  42 เท่า อิงจากค่าเฉลี่ย PER ของ DELTA ก่อนที่จะถูกจัดไปอยู่ใน SET50  ทั้งนี้ราคาปิดล่าสุดสะท้อน  82 เท่าของ PER ปี 2565   ถือว่าค่อนข้างแพง แม้จะคาดว่าการเติบโตของกำไรจะเร่งตัวขึ้นในปี2022 ก็ตาม 

 

บล.เคจีไอ ประมาณการกำไรของ DELTA ยังมี downside จากอัตรากำไรขั้นต้นต่ำ  ในขณะที่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับค่อนข้างแพงแล้ว พร้อมคงคำแนะนำ “ขาย” DELTA และประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ไว้ที่ 320 บาท อิงจาก PER ที่ 33.0 เท่า (เท่ากับ PEG ที่ 1.0 เท่า จากอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ย 2 ปี)  ด้านความเสี่ยงของธุรกิจ มีทั้งเรื่องภัยธรรมชาติ ,การปิดโรงงานนอกแผน, ลูกคาเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2564-65 ที่ 31.50 บาท/ดอลลาร์ฯ)

 

เช่นเดียวกับ บล.หยวนต้า คงคำแนะนำ “ขาย” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 380.00 บาทต่อหุ้น  อิง PER 53 เท่า หรือ +2SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันบน PER ปี 2565 อยู่ที่ 64 เท่า “แพง”เกินไป และไม่มีUpside ที่น่าดึงดูด


 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com