Market

กรุงศรี กางแผนธุรกิจปี 65 สินเชื่อโต 3-5% ทุ่ม 7-8 พันล. ลงทุน IT เชื่อมโยงอาเซียนปั๊มรายได้
3 ก.พ. 2565

แบงก์กรุงศรี  ประกาศแผนธุรกิจปี 65 ตั้งเป้าสินเชื่อโต 3-5% กระจายทุกกลุ่มลูกค้าธุรกิจ-รายย่อย เผยรายได้ดอกเบี้ยมาจาก NIM สูง 3.1-3.3% และรายยได้มิใช่ดอกเบี้ยที่ทรงตัว คาด NPL เพิ่ม 2.6% เนื่องจากหมดมาตรการช่วยเหลือลูกค้าสิ้นปีนี้ เปิดแผนระยะ 3 ปี ชูกลยุทธ์ 3 แกนหลัก "พาลูกค้่าเดินหน้าสู่อาเซียน" ดันรายได้ต่างประเทศสัดส่วนเพิ่ม 10% ทุ่มงบลงทุนไอที 7-8 พันล้านบาท ก้าวสู่ความเป็นผู้นำดิจิทัลและนวัตกรรม ตอบโจทย์เชื่อมโยงสู่อาเซียน


นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) หรือ BAY ในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) หนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก เปิดเผยว่า  ในปี 2565 เป็นอีกหนึ่งปีที่ท้าทาย สำหรับกรุงศรียังคงให้การช่วยเหลือเชิงรุกให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้วยมาตรการต่าง ๆ ขณะที่ยังคงรักษาประสิทธิภาพการดำเนินงานที่แข็งแกร่งด้วยการปรับตัวรับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี โดยแผนธุรกิจในปีนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อ 3-5% โดยมาจากสินเชื่อทุกประเภททุก segment นำโดยสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี คาดขยายตัว 4-5% สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่เติบโต 3-4% และสินเชื่อรายย่อยเติบโต  3-4% โดยปีนี้ แนวโน้มรายได้ดอกเบี้ยของธนาคาร คาดว่ามาจากส่วนดอกเบี้ย หรือ NIM  อยู่ที่ 3.1-3.3%  และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยคาดทรงตัวเหมือนกับปีที่แล้ว 

 

สำหรับหนี้ไม่ก่อให้เกิดกรายได้ (NPL) ปีนี้อาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2.6% หลังจากปีที่แล้วมี NPL สัดส่วน 2.2%ของสินเชื่อรวม ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการช่วยเหลือลูกค้าตามนโยบายธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) จะหมดอายุลงภายในสิ้นปีนี้ จึงอาจทำให้ลูกค้าบางส่วนกลายเป็น NPL  เนื่องจากสัญญาณจากลูกค้าเข้าโครงการช่วยเหลือ ปัจจุบันมียอดสินเชื่อเหลืออยู่เพียง 1.7 แสนล้านบาท ลดลงจากเดิมมียอดรวมถึง  5.3 แสนล้านบาท รวมถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจในปีนี้ แม้มีความไม่แน่นอนสูง แต่ก็มีแนวโน้มขยายตัวดีกว่าปีที่แล้ว โดยธนาคารคาดการเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.7% หลังจากที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาแล้วทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนในอัตราที่มากขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเดินทางและหนุนภาคท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวดีขึ้นได้

 

ส่วนความเป็นไปได้ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ (JVAMC) ตามนโยบาย ธปท.ที่ออกมาเมื่อเร็วๆนี้ นายเซอิจิโระ อาคิตะ กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบัน ธนาคารมีสัดส่วนหนี้เสียอยู่ระดับต่ำกว่าในระบบ ประกอบกับ ธปท. มีโครงการพักหนี้ พักทรัพย์  จึงทำให้ธนาคารยังไม่มีความจำเป็นต้องจัดตั้ง JVAMC อย่างไรก็ตาม ธนาคารกำลังศึกษาและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจจะพิจารณาอีกครั้งในปีหน้า 

 

นายเซอิจิโระ อาคิตะ ได้กล่าวถึงเเป้าหมายการดำเนินธุรกิจสู่ภูมิภาคอาเซียนของธนาคารกรุงศรี ว่า  ยังคงเป็นไปตามแผนงานระยะกลาง 3 ปี (ปี 2564-2565) ซึ่งปี 2565 นับเป็นปีที่สองของแผนงานธุรกิจ  ที่ธนาคารพร้อมจะสนับสนุนลูกค้า ‘เดินหน้าสู่อาเซียนกับกรุงศรี’ หรือ Go ASEAN with Krungsri  เพื่อจะผลักดันให้ธนาคารมีสัดส่วนรายได้จากอาเซียนเพิ่มขึ้นมาเป็น 10% ได้ภายใน 2 ปีนี้  หลังจากปีที่แล้ว มีสัดส่วน  6%ของรายได้รวม

 

โดยกลยุทธ์สนับสนุนลูกค้าสู่อาเซียน จะดำเนินการผ่านสามแกนหลักสำคัญ ได้แก่ 1 การพาลูกค้าไปให้ไกลกว่าประเทศไทย (Beyond Thailand) ด้วยการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายที่เข้มแข็งของ MUFG และความแข็งแกร่งของกรุงศรีในการเชื่อมโยงตลาดในภูมิภาคอาเซียน 2 การเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าไว้วางใจผ่านการให้บริการที่เป็นมากกว่าสถาบันการเงิน (Beyond Banking) เพื่อทั้งลูกค้าธุรกิจและลูกค้ารายย่อย  และ 3 การเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการทำมากกว่าเทคโนโลยี (Beyond Tech) ด้วยการพัฒนาด้านดิจิทัลและนวัตกรรม เพื่อเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้า 

 

ทั้งนี้ ในปี 2564 กรุงศรีประสบความสำเร็จการเสริมสร้างประสิทธิภาพและการขยายธุรกิจสู่อาเซียน ที่ล่าสุดธนาคารได้เข้าสู่ประเทศเวียดนาม ถือเป็นประเทศที่ห้าในภูมิภาคอาเซียน  นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศและพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ (ecosystems and partnerships) ด้วยระบบนิเวศ ยานยนต์ ที่อยู่อาศัย และการพาณิชย์ ซึ่งเป็น 3 ระบบนิเวศหลักที่พัฒนาขึ้นมาจากการดำเนินชีวิตของลูกค้าในปัจจุบัน อีกทั้งกรุงศรียังเดินหน้าตามแนวทางการทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืนที่เน้นในด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG ด้วยการประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อและตราสารหนี้ที่เชื่อมโยงกับแนวทางความยั่งยืนเป็นรายแรกของประเทศไทย 

 

"ความสำเร็จปีที่แล้ว ได้นำพาให้กรุงศรีเป็นผู้นำในตลาดธุรกิจการเงินเพื่อความยั่งยืน และเรายังคงประสบความสำเร็จด้านดิจิทัลและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีหลักของเราให้ทันสมัยยิ่งขึ้นและเดินหน้าสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินอัจฉริยะของธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างเต็มที่เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยไปด้วยกัน” นายอาคิตะ กล่าว

 

นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรุงศรีนับเป็นสถาบันการเงินไทยที่มีเครือข่ายครอบคลุมประเทศในอาเซียนมากที่สุด ด้วยการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งและความเป็นเอกลักษณ์ของกรุงศรี ที่เป็นส่วนหนึ่งของ MUFG  ทำให้ธนาคารกำลังสร้างเครือข่ายที่เชื่อมโยงตลาดในภูมิภาคอาเซียนและก้าวไปสู่การเป็นผู้ประกอบการในระดับอาเซียน  ปัจจุบัน กรุงศรีได้ให้บริการลูกค้าไปแล้วมากกว่า 500,000 บัญชี ในกัมพูชา สปป.ลาว และฟิลิปปินส์ รวมมูลค่าสภาพคล่องแล้วกว่า 64,000 ล้านบาท 

 

ในขณะเดียวกัน สำหรับลูกค้าคนไทย ทิศทางในปีนี้กรุงศรียังคงเดินหน้าขยายโซลูชั่นในการเพิ่มมูลค่าในการทำการค้าระหว่างประเทศ (cross-border value chain solutions) ในอุตสาหกรรมต่างๆ และบริการให้คำปรึกษาเพื่อช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้าธุรกิจไปเติบโตใน 9 ประเทศทั่วทั้งอาเซียน และอีกมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลกผ่านเครือข่ายของ MUFG

 

นอกจากนี้ กรุงศรีกำลังขยายบริการธุรกรรมการโอนเงินระหว่างประเทศทั้งสำหรับลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่มีการเชื่อมต่อบริการ 3 ประเทศในปีที่ผ่านมา ให้เป็น 8 ประเทศภายในปี 2565 โดยปัจจุบันนี้ มีธุรกรรมการชำระเงินและการโอนระหว่างประเทศในอาเซียนผ่านกรุงศรีแล้วมากกว่า 500,000 ครั้ง มูลค่ารวมมากกว่า 200,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี

 

ในการนำด้วยดิจิทัลและนวัตกรรม กรุงศรีสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายและการลงทุนในด้านเทคโนโลยีระดับโลกของ MUFG ในปี 2565 กรุงศรีจะเน้นเรื่องการขยาย API เชื่อมโยงกับธนาคารพันธมิตรในอาเซียน การร่วมสร้าง AI Tech Lab กับ MUFG และพันธมิตรเช่น Grab การเป็นผู้นำในโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินอัจฉริยะและแพลตฟอร์มเชิงพาณิชย์ให้กับตลาดทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ  โดยเราวางแผนลงทุนในด้านไอทีปีนี้ที่ 7,000-8,000 ล้านบาท


“การเชื่อมโยงอาเซียน การเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าไว้วางใจ และการนำด้วยดิจิทัลและนวัตกรรม เป็นกุญแจสำคัญของเราในปี 2565 เราพร้อมที่จะพาลูกค้าไปมีประสบการณ์ Beyond Thailand, Beyond Banking และ Beyond Tech ด้วยกัน” นายไพโรจน์กล่าวสรุป 

 

 

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com