Market

InnovestX คาด SET  รอติดตามเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ
17 ก.ค. 2568

แนวโน้มตลาดวันนีุ้ (17 ก.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์/แกว่งขึ้น ยังคงประเมินแนวต้าน 1172/1180 หลังจากวันก่อนชะลอไประดับหนึ่งแล้ว แนวรับอยู่ที่ 1155/1145-1140 ไม่ควรหลุดต่ำกว่าหากยังแกว่งขึ้น ปัจจัยติดตามการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ แม้ว่าไทยมีเป้าหมายภาษีอย่างมากที่ 18% แต่ไม่ง่ายเนื่องจากประเทศอื่นเสนอภาษีนำเข้า 0% ทั้งหมด และคืนนี้คุณทักษิณจะไปขึ้นเวทีพูดเกี่ยวกับเศรษฐกิจ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤตโลก”

 

ประเด็นสำคัญ

• ติดตามผลเจรจาทางการค้าหลังเมื่อคืนนี้ทีมไทยแลนด์ได้เข้าหารือกับ USTR อย่างเป็นทางการอีกครั้งผ่าน Video Conference เพื่อพิจารณาข้อเสนอเพิ่มเติมของไทย ซึ่งเสนอลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เหลือ 0% กว่าหมื่นรายการและคาดหวังอัตราภาษีที่ระดับอย่างมากที่ 18% โดยต้องต่ำกว่าประเทศในอาเซียน

 

• ปธน. ทรัมป์เตรียมจะส่งจดหมายเรียกแจ้งอัตราภาษีศุลกากรต่อประเทศขนาดเล็กกว่า 100 ประเทศ เช่น ในแอฟริกาและแถบแคริเบียนในเร็วๆ นี้ ในอัตราที่สูงกว่าระดับ 10% เล็กน้อย และส่งสัญญาณจะประกาศอัตราภาษีสำหรับผลิตภัณฑ์ยาในช่วงปลาย ก.ค. 

 

• ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตฯ มิ.ย. 2568 ลดลงสู่ 87.8 ต่ำที่สุดในรอบ 8 เดือน กดดันจากผลปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชากระทบการค้าชายแดนและการจำหน่ายพลังงาน, การปรับขึ้นภาษีเหล็ก-อลูมิเนียมจาก 25% เป็น 50%, ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และสินค้าจากต่างประเทศที่ทะลักเข้าไทย

 

• ประธานเฟดสาขาดัลลัสแนะเฟดตรึงดอกเบี้ยนโยบายต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้ใกล้เคียงระดับเป้าหมายที่ 2% ขณะที่แรงกดดันด้านราคาเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากมาตรการภาษีของ ปธน. ทรัมป์ และมองว่าการรีบลดดอกเบี้ยอาจทำให้ ศก. มีความเสี่ยงและอาจใช้เวลานานกว่าเดิมในการทำให้ ศก. มีเสถียรภาพ

 

• รมว. พลังงานสหรัฐฯ ขู่จะนำสหรัฐฯ ถอนตัวจาก IEA หากไม่ยอมลดท่าทีที่ส่งเสริมพลังงานสะอาดและไม่เป็นกลางต่อการวิเคราะห์ตลาดพลังงาน ด้าน IEA ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตอุปสงค์น้ำมันโลกปี 2568 เหลือเพียง 7 แสนบาร์เรล/วัน ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 ต่างจาก OPEC ที่คงมองอุปสงค์น้ำมันยังแข็งแกร่ง

 

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวนเนื่องจากยังกังวลอัตราภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ ที่ประกาศเรียกเก็บจากประเทศคู่ค้าซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. นี้ สำหรับไทยถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 36% สูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญในกลุ่มอาเซียน ซึ่งทำให้ไทยมีโอกาสสูญเสียความสามารถในการแข่งขันและกดดันให้ GDP อาจเติบโตชะลอตัวได้ จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับไทยอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดีเราประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

Daily top picks

CPALL: มองราคาหุ้นได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดจำกัด และ 2Q68 คาด กำไรปกติอยู่ที่ 6.7 พันลบ. เพิ่มขึ้น 9%YoY จากการฟื้นตัวของธุรกิจ CVS และ CPAXT และปี 2568 จะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มที่ 15%YoY และซื้อขาย PER 2568F ที่ 14 เท่า ส่วนโครงการซื้อหุ้นคืน (ไม่เกิน 1.67% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.-14 พ.ย. 68 จะช่วยจำกัด Downside ของราคาหุ้น

 

ADVANC: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากมองเป็นหุ้น Defensive และโมเมนตัมกำไรแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติอยู่ที่ 1.09 หมื่นลบ. โตเด่น 29%YoY และ 3.3%QoQ อีกทั้ง 2H68 คาดกำไรจะเติบโตเร่งตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการประหยัดต้นทุนได้จากการประมูลคลื่นความถี่เมื่อไม่นานนี้ และ ARPU ระบบเติมเงินที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

 

 

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com