Market

InnovestX คาด SET จับตาดีลภาษีการค้ารอบใหม่
16 ก.ค. 2568

แนวโน้มตลาดวันนี้ (16 ก.ค.) บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์/แกว่งขึ้น แต่มีโอกาสชะลอตัวสูงที่แนวต้าน 1172/1180 ส่วนแนวรับประเมินไว้ที่ 1155/1145-1140 ไม่ควรหลุดต่ำกว่าหากยังแกว่งตัวขึ้น เงินเฟ้อสหรัฐฯ เริ่มเพิ่มทำให้ตลาดจับตาทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ มากขึ้น ติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ รอบใหม่ หลัง ปธน. ทรัมป์โพสต์ว่าบรรลุดีลการค้ากับอินโดนีเซียแล้วที่ 19%และ 0% ซึ่งมีโอกาสเป็นอีกหนึ่งบรรทัดฐานกับประเทศในภูมิภาคต่อไป

 

ประเด็นสำคัญ

• สหรัฐฯ ประกาศภาษี 19% สำหรับสินค้านำเข้าจากอินโดนีเซียเป็นประเทศล่าสุด หลังอินโดนีเซียเสนองดเก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ และคำสั่งซื้อสินค้าอีกหลายหมื่นล้านดอลลาร์จะเป็นบรรทัดฐานต่อไป

 

• เงินเฟ้อสหรัฐฯ CPI มิ.ย. 2568 ขยายตัว 2.7%YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ นักลงทุนกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดี ทรัมป์ จะทำให้สหรัฐฯ เผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่ม และเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยสูงเป็นเวลานาน

 

• จำนวน นทท. ต่างชาติเข้าไทยสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้น 0.3%WoW จากยุโรป อินเดีย และจีน รวมสะสมปีนี้แตะ 17.75 ล้านคน ขณะเดียวกันกระทรวงท่องเที่ยวฯ เลื่อนเก็บค่าเหยียบแผ่นดินออกไป เหตุรอศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและรอการฟื้นตัวของนทท. ใน 4Q68

 

• ก.ล.ต. และ ธปท. เตรียมเปิด Sandbox ให้ต่างชาตินำคริปโตฯ แลกเป็นเงินบาทใช้จ่ายในไทย หวังกระตุ้นท่องเที่ยว คาดเปิดใช้จริงไม่เกิน 18 เดือน เปิดรับฟังความเห็นถึง 13 ส.ค. นี้

 

• Bloomberg รายงาน Nvidia เตรียมกลับมาขายชิป AI รุ่น H20 ให้จีน หลังได้รับการอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ จากก่อนหน้านี้ที่ถูกควบคุมการส่งออกชิปไปจีนตั้งแต่ปี 2022 แลกกับจีนส่งออกแร่ธาตุหายากแก่สหรัฐฯ สะท้อนความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ที่เริ่มผ่อนคลาย

 

• การเสนอชื่อว่าที่ผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ยังไม่เข้าที่ประชุม ครม. ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากมีข้อทักท้วงเกี่ยวกับการตรวจสอบเอกสารและคุณสมบัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ด้าน รมว. คลังยืนยันว่าไม่มีปัญหาและจะเข้าสู่การประชุม ครม. อีกครั้งในสัปดาห์หน้า

 

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวนเนื่องจากยังกังวลอัตราภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ ที่ประกาศเรียกเก็บจากประเทศคู่ค้าซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. นี้ สำหรับไทยถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 36% สูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญในกลุ่มอาเซียน ซึ่งทำให้ไทยมีโอกาสสูญเสียความสามารถในการแข่งขันและกดดันให้ GDP อาจเติบโตชะลอตัวได้ จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับไทยอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดีเราประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

Daily top picks

ERW: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจาก 1) โครงการเที่ยวคนละครึ่ง2) การเลื่อนเก็บค่าเหยียบแผ่นดินออกไป และ 3) ตัวเลข นทท. สัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้น 0.3%WoW นอกจากนี้ คาดว่าครึ่งปีหลังการดำเนินงานจะฟื้นตัวต่อเนื่อง บริษัทยังคงเป้าการเติบโตสูงของกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ท HOP INN ไว้ที่ 23% จากการขยายโรงแรมอย่างต่อเนื่อง

 

ADVANC: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากการเป็นหุ้น Defensive และ กสทช. รับรองผลการประมูลคลื่นความถี่เรียบร้อยไปแล้วเราคงประเมินว่า ADVANC จะได้ประโยชน์จากการลดต้นทุนที่มีนัยสำคัญ โดยจะลดต้นทุนได้ราว 2.3 พันล้านบาทต่อปี และปี 2568 กำไรสุทธิคาดจะอยู่ที่ 40.7 พันล้านบาท เติบโตถึง 16.9%YoY

 

 

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com