แนวโน้มตลาดวันนี้ (254 ก.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดแกว่งตัวออกด้านข้าง/แกว่งตัวขึ้น มีแนวรับที่ 1200/1190 ไม่หลุดต่ำกว่ายังเป็นการแกว่งตัวขึ้น แนวต้านประเมินไว้ที่ 1240/1252 มองเงินทุนยังไหลเข้าเอเชีย โดยวานนี้ต่างชาติซื้อสุทธิใน SET 4.4 พันลบ. และซื้อสุทธิใน TFEX 4 พันสัญญา ประเมินว่าส่วนนึงมาจากคาดหวังการขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะมีข้อสรุปกับประเทศต่างๆ ก่อนเส้นตาย 1 สค.
ประเด็นสำคัญ
• คณะอนุฯ กลั่นกรองโครงการกระตุ้น ศก. เตรียมชงบอร์ดชุดใหญ่ในวันนี้ (24 ก.ค.) เพื่อจัดสรรงบฯ ส่วนที่เหลือจากงบกลางปีงบฯ 2568 จำนวน 4.2 หมื่นลบ. เพื่อใช้กระตุ้น ศก. และรับมือผลกระทบจากนโยบายภาษีสหรัฐฯ สศค. ประเมินวงเงินที่อนุมัติแล้ว 1.15 แสนลบ. คาดจะเข้าสู่ระบบ ศก. 4Q68-1Q69 หนุน GDP ราว 0.4-0.5%
• Bloomberg รายงาน EU และสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการเจรจาการค้าเพื่อกำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้า EU ที่ 15% จากก่อนหน้าที่สหรัฐฯ ขู่จะเก็บในอัตรา 30% แต่มีแนวโน้มจะคงอัตรา 50% สำหรับสินค้าเหล็กและอลูมิเนียม ด้าน ปธน. สหรัฐฯ ระบุจะเก็บภาษีนำเข้าขั้นต่ำในอัตรา 15% กับเกือบทุกประเทศที่ยังไม่มีข้อตกลงการค้า แต่บางประเทศที่มีความขัดแย้งกับสหรัฐฯ อาจเผชิญในอัตราสูงถึง 50%
• ADB ลดคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้ลงเหลือ 1.8% จากเดิมที่ 2.8% ตามโมเมนตัมการเติบโตทาง ศก. ของไทยที่กำลังอ่อนแรง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของ ศก. โลก, จำนวน นทท. ต่างชาติที่ลดลง และคาดการณ์การเติบโต GDP ไทยในปี 2569 ชะลอลงอีกสู่ระดับ 1.6%
• รมว. คมนาคม เผยความพร้อมนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปฯ “ทางรัฐ” ตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. นี้ เป็นต้นไป และนโยบายดังกล่าวจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 ประเมินจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารอย่างน้อย 20%
• กบน. สั่งลดเก็บเงินสมทบกองทุนน้ำมันฯ ดีเซลลง 50 สต./ลิตร จากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น อย่างไรก็ตามกองทุนน้ำมันฯ ยังคงมีสภาพคล่องเป็นบวก และคาดว่าฐานะกองทุนน้ำมันฯ จะพลิกเป็นบวกได้ประมาณใน ธ.ค. 2568 นี้ จากปัจจุบันที่ติดลบอยู่ราว 3 หมื่นลบ.
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน แม้มองบรรยากาศการลงทุนยังมีโมเมนตัมบวกจาก Fund Flow ที่ไหลเข้าใน EM และ ครม. แต่งตั้งผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ซึ่งคาดจะมีนโยบายการเงินผ่อนคลายขึ้น แต่ติดตามการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ หลังไทยเสนอลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ 0% หลายหมื่นรายการ ประเมิน SET ที่ระดับ 1230-1250 สะท้อนความคาดหวังไทยจะบรรลุข้อตกลงและทำให้อัตราภาษีใหม่ต่อไทยลดลงจาก 36% เป็น20% หรือต่ำกว่า ทำให้ SET มีโอกาสชะลอปรับขึ้นหรือเริ่มมี Upside จำกัด ขณะที่กรณีไทยโดนภาษีศุลกากรที่สูงกว่า 20% จะเป็นความเสี่ยงต่อตลาด อย่างไรก็ดี เราประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily top picks
KTB: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นมีโอกาสมีแรงซื้อเข้ามาตามภาพของตลาด กำไร 2Q68ที่ผ่านมาดีกว่าคาดจาก FVTPL ส่วน NPL ทรงตัว QoQ และสินเชื่อเติบโตได้ 0.4%QoQ และ4.4%YoY ส่วน Valuation ยังถูก และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลน่าสนใจ คาดว่าจะจ่ายปันผลปี 2568 ที่ 1.55 บาทต่อหุ้น (อัตราจ่าย 52%) หรือคิดเป็น 7.2%
CPALL: มองราคาหุ้น Laggard และได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดจำกัด คาดกำไร 2Q68 จะเติบโต 8%YoY และปี 2568 จะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มที่ 15%YoY มอง 2Q25 จะเป็นไตรมาสต่ำสุดของปีนี้ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี ส่วนโครงการซื้อหุ้นคืน (ไม่เกิน 1.67% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. - 14 พ.ย. 2568 จะช่วยจำกัด Downside ของราคาหุ้น