แนวโน้มตลาดวันนี้ (26 มิ.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดพักตัวหลังจากขึ้นต่อเนื่อง มีแนวต้านที่ 1115/1120 ส่วนการอ่อนตัวลงมีแนวรับที่ 1095/1085 และการลงหลุดต่ำกว่า 1085 จะเปิดความเสี่ยงของการปรับตัวลงรอบใหม่ ปัจจัยในประเทศ ตลาดติดตามความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา รวมถึงเสถียรภาพรัฐบาล และโค้งสุดท้ายของการสลับเปลี่ยน LTF มากองทุน ThaiESGX ที่ใกล้จะสิ้นสุดลงมีโอกาสหนุนตลาดได้น้อยลง
ประเด็นสำคัญ
• คืนนี้จับตาดัชนี PCE ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ หลังวานนี้ GDP 1Q68 (ครั้งสุดท้าย) ของสหรัฐฯ -0.5%QoQ หดตัวสูงกว่าประมาณการครั้งก่อนที่ -0.2%QoQ จากการชะลอตัวของการใช้จ่ายผู้บริโภคและการนำเข้าที่ขยายตัวสูงจากการเร่งนำเข้าเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีศุลกากรของ ปธน. ทรัมป์
• ปธน. ทรัมป์ เผยกำลังวางแผนคัดเลือกและประกาศชื่อผู้ที่จะมารับตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ ก่อนที่เจอโรม พาวเวล จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดในเดือน พ.ค. 2569
• เฟดเผยข้อเสนอเพื่อผ่อนคลายกฎเกณฑ์เกี่ยวกับอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์ (SLR) สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารที่มีความสำคัญต่อระบบการเงินโลก (GSIBs) มีโอกาสส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดเพิ่มขึ้น หนุนจิตวิทยาตลาดหุ้นรวม
• ม. หอการค้าไทยลดประมาณการ GDP ปี 2568 ลงสู่ 1.7% จาก 3.0% โดยยังมีโอกาสผันผวนในกรอบ 0.9-2.3% ขึ้นกับความรุนแรงของความเสี่ยงต่างๆ โดยเฉพาะภาษีศุลกากรสหรัฐฯ ที่การเจรจายังไม่ยุติ และอื่นๆ เช่น ความตึงเครียดบริเวณชายแดนกัมพูชา, ประสิทธิผลของโครงการกระตุ้น ศก., เสถียรภาพรัฐบาล เป็นต้น
• รมว. คลังปฏิเสธกระแสข่าวสหรัฐฯ มีมติเก็บภาษีศุลกากรจากไทย 18% ไม่เป็นความจริง โดยอัตราดังกล่าวนั้นเป็นเพียงคาดการณ์ของ ธปท. ขณะที่การเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ยังไม่ได้ข้อสรุป
• ก.ล.ต.ร่วมกับ บจ. ไทยสร้างโอกาสเติบโตผ่าน 2 โครงการ “Corporate Value Up” ควบคู่กับ “JUMP+” เพื่อสนับสนุนการเติบโต, สร้างมูลค่าต่อ บจ. โดยเปิดให้ บจ. สมัครเข้าร่วมโครงการได้ระหว่างวันที่ 26 มิ.ย. – 30 ธ.ค. 68
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวผันผวนต่อ หลังเผชิญปัจจัยลบทั้งภายนอกและภายในประเทศ ปัจจัยภายนอกติดตามสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง, ข้อตกลงการค้าเพิ่มเติมและการการแจ้งอัตราภาษีแบบฝ่ายเดียวของสหรัฐฯ ต่อประเทศคู่ค้าอื่นๆ ส่วนปัจจัยภายในติดตามความไม่แน่นอนทางการเมืองและปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา อย่างไรก็ดีเราประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว แต่เป็นลักษณะของการทยอยสะสม กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily top picks
BCPG: มองน่าสนใจในฐานะหุ้น Undervalued ซึ่งปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 68F เพียง 10.9 เท่า (-1SD) และ 0.5 เท่า (-2SD) ซึ่งยังไม่สะท้อนกำไรปกติที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในปี 2568 คาดกำไรจะเติบโตสูง 32% และเติบโตต่อ 24% ในปี 2569 หนุนโดย 2 ปัจจัยหลัก คือ 1) รายได้จาก Capacity Payment ในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นมาก และ 2) การเปิดโครงการใหม่ในครึ่งหลังของปี และคาดให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงปีละ 4.2%
CPALL: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาด กำไร 2Q68 คาดจะเติบโต YoY และปี 2568 จะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มที่ 19%YoY (กลุ่ม 5%YoY) และซื้อขาย PER 2568F ที่ 16 เท่า (กลุ่ม 17 เท่า) ส่วนการประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน (ไม่เกิน 1.67% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.-14 พ.ย. 68 จะช่วยจำกัด Downside ของราคาหุ้น