"แม็คกรุ๊ป" มั่นใจปี 2565 กำไรเติบโตเลข 2 หลัก หลังปรับกลยุทธ์การตลาด เดินหน้าแคมเปญ “MY MC MY WAY ชีวิต…เต็มแม็ค” พร้อมกำเงินสดเกือบ 2,000 ล้าน มองหาโอกาสต่อยอดธุรกิจ
นายปิยะ โอฬารริกสุภัค ประธานเจ้าหน้าที่ด้านบัญชีและการเงิน บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC ซึ่งประกอบธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ "แม็คยีนส์" นำเสนอภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2565 (ม.ค.-มี.ค.2565) และทิศทางการดำเนินธุรกิจ ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะปรับตัวดีขึ้นภายหลังจากได้ประกาศเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา และรัฐบาลกำลังประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น น่าจะสนับสนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจดีขึ้น การท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก ซึ่งจะส่งผลดีทางอ้อมต่อบริษัท และเชื่อมั่นว่าผลดำเนินงานในงวดไตรมาส 4 (เม.ย.- มิ.ย.2565) จะปรับตัวดีขึ้น คาดว่าทั้งปีกำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโตในด้วยตัวเลข 2 หลัก และผลการดำเนินงานทั้งปีผลดำเนินงานจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
โดยบริษัทได้วางกลยุทธ์ทำธุรกิจมุ่งเน้นคุมเข้มต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการค่าใช้จ่าย พร้อมปรับแผนการตลาดเน้นทำ Product Mix ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น ปรับตัวขึ้นไปอยู่ในระดับสูง เห็นได้จากผลดำเนินงาน งวดไตรมาส 3 (ม.ค-มี.ค.2565) บริษัทมีกำไรสุทธิ 110 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 65.3% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 60.7% และมีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ 14.8% เพิ่มขึ้นจากระดับ 11.9% ในช่วงเดียวกันปีก่อน
นายปิยะ กล่าวว่า การขยายสาขา Mc Outlet ภายในปั้ม ปตท. ดำเนินการได้ตามแผน ณ สิ้นเดือนเม.ย.65 เปิดแล้ว 68 สาขา และถึงเดือนมิ.ย.น่าจะเปิดได้ถึง 72 สาขา ล่าสุดบริษัทได้ขยาย Mc Outlet ออกนอกพื้นที่ปั้มน้ำมัน และปรับปรุงสาขาที่เมืองทองธานีให้เป็น Mc Outlet ซึ่งได้รับการตอบรับดีมากจากลูกค้า ซึ่งคือหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะสร้างยอดขายที่สำคัญให้กับบริษัท
นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดตัวแคมเปญ “MY MC MY WAY ชีวิต…เต็มแม็ค” ชูแนวคิด “Body Positivity” เข้าใจความแตกต่างของรูปร่าง พร้อมสร้างสรรค์ลุคที่ดีที่สุดได้ในแบบของตัวเอง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของแม็คยีนส์ พร้อมขยายสู่กลุ่มใหม่มากขึ้นจะเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัทต่อไปในอนาคตข้างหน้า และจะเป็นแผนธุรกิจต่อเนื่องของบริษัทในงวดปีบัญชี 2565/2566
ทั้งนี้ ฐานะการเงินของบริษัทล่าสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นทั้งหมดเกือบ 2,000 ล้านบาท และการที่บริษัทไม่มีหนี้สินในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นก็จะไม่ได้รับผลกระทบ และพร้อมที่จะแสวงหาโอกาสต่อยอดธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป