บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย สรุปกำไรบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทยไตรมาส 2/65 เติบโต 31.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเติบโต 29.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และคาดว่าในครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง มอง 13 หุ้นแนวโน้มโดดเด่น
หุ้นภายใต้การวิเคราะห์ของ KS รายงานกำไรรวมไตรมาส 2/2565 ที่ 2.98 แสนลบ. เพิ่มขึ้น 29.1% QoQ และ 31.4% YoY สูงกว่าประมาณการของตลาด 9.6% ผลประกอบการที่ดีกว่าคาดมาจากกลุ่มธุรกิจการเกษตรและอาหาร พลังงาน ปิโตรเคมี ธนาคาร อิเล็กทรอนิกส์ การแพทย์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) นิคมอุตสาหกรรม และที่อยู่อาศัย
ขณะที่กลุ่มธุรกิจที่รายงานกำไรไตรมาส 2/2565 ต่ำกว่าประมาณการ ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ ผู้รับเหมาก่อสร้าง ขนส่ง และสาธารณูปโภค เราคาดว่ากำไรปี 2565 ของกลุ่มธุรกิจการเกษตรและอาหาร พาณิชย์ พลังงาน การแพทย์ ปิโตรเคมี และขนส่ง หลังจากผลประกอบการไตรมาส 2/2565 แสดงให้เห็นว่ากำไรในช่วงครึ่งปีแรกสูงกว่า 50% ของประมาณการทั้งปีกว่า
ขณะที่ประมาณการกำไรทั้งปี 2565 ของกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง สื่อและสิ่งพิมพ์ สาธารณูปโภค กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) อาจถูกปรับลดลง เนื่องจากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวรายงานกำไรในครึ่งปีแรกของปี 2565 น้อยกว่า 50% ของประมาณการทั้งปี หลังผิดหวังจากผลประกอบการในครึ่งปีแรก ทั้งนี้ ประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาดปี 2565-66 ถูกปรับขึ้น 16%/25% YTD เป็น 102.15/109.42 ตามลำดับ
สำหรับแนวโน้มกลุ่มธุรกิจในครึ่งปีหลัง
เราคาดว่ากลุ่มธุรกิจที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ (กลุ่มสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โรงกลั่น ขนส่งสินค้าเทกองแห้ง และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร) จะรายงานกำไรที่อ่อนแอลงในครึ่งปีหลัง HoH จากราคาพลังงานที่ลดลง อัตรากำไรจากการกลั่น และราคาสินค้าเกษตรจากอุปสงค์ที่ลดลงและอุปทานที่เพิ่มขึ้น
กลุ่มที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย (กลุ่มAnti-Commodities กลุ่ม Growth และ Defensive) และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ (การแพทย์ พาณิชย์ ท่องเที่ยว และขนส่ง) น่าจะรายงานกำไรในครึ่งปีหลังที่ดีขึ้น
เราคาดว่ากลุ่มค้าปลีกน้ำมัน (PTG และ OR) จะรายงานกำไรไตรมาส 3/2565 ที่ดีขึ้น YoY จากค่าการตลาดที่สูงขึ้นและปริมาณการเติมน้ำมันจากราคาน้ำมันที่ลดลง
กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (EPG และ TOA) น่าจะรายงานกำไรในครึ่งปีหลังที่ดีขึ้นจากการปรับขึ้นราคาขายและต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง
กลุ่มสาธารณูปโภคน่าจะรายงานกำไรในครึ่งปีหลังที่ดีขึ้นจากค่า Ft ที่สูงขึ้น และเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น
กลุ่มโรงแรมน่าจะรายงานกำไรในครึ่งปีหลังที่ดีขึ้นจากอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (ADR) และอัตราการเข้าพัก (OCR) ที่แข็งแกร่ง ขณะที่สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อรายได้โดยรวมลดลง
กลุ่มสายการบินน่าจะรายงานผลขาดทุนที่ลดลงในครึ่งปีหลัง จากจำนวนผู้โดยสารและราคาตั๋วที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันอากาศยานลดลง
กลุ่มโรงพยาบาลและคลินิกที่มีฐานผู้ป่วยเป็นชาวต่างชาติ (BH D BDMS และ PR9) น่าจะรายงานกำไรในครึ่งปีหลังที่แข็งแกร่งขึ้นจาก pent-up demand
กลุ่มพาณิชย์น่าจะรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งขึ้นในครึ่งปีหลัง จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ลดลง
สำหรับกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย เราคาดว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์จะรายงานกำไรในครึ่งปีหลังที่ดีขึ้นจากการเติบโตของสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น ขณะที่แนวโน้มกำไรของกลุ่มการเงินในครึ่งปีหลังดูจะคละกันจากกำไรจากการดำเนินงานก่อนตั้งสำรอง (PPOP) ที่ดีขึ้น จากการเติบโตของสินเชื่อที่น่าจะถูกชดเชยด้วยค่าใช้จายสำรองหนี้สูญ (credit cost) ที่สูงขึ้นเพื่อรับมือกับหนี้เสีย (NPL)
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ลดลงและกำลังซื้อปรับตัวดีขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการปรับขึ้นค่าจ้างจะช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับ NPL ที่สูงขึ้นในกลุ่มการเงิน ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และนิคมอุตสาหกรรมคาดว่าจะรายงานกำไรไตรมาส 3/2565 ที่ดีขึ้นทั้งเชิง QoQ และ YoY จากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว
คาดว่าหุ้นที่มีแนวโน้มดีขึ้นในครึ่งหลังของปี 2565 และได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทำผลงานแซงหน้าตลาด ซึ่งได้แก่ KKP BAM TIDLOR SAWAD AP SPALI ORI BGRIM GPSC BH PTG OR และ RBF