InnovestX คาดหุ้นไทยมีแนวโน้มรีบาวด์ หลังปรับตัวลงใกล้แนวรับ 1,160-1,155 ได้ปัจจัยบวก ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ตัดสินให้ยกเลิกมาตรการ "Reciprocal Tariffs"
แนวโน้มตลาดวันนี้ (29 พ.ค.) บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ตลาดมีโอกาสรีบาวด์ได้โดยเฉพาะที่แนวรับ หลังลงมาต่อเนื่องและเข้าใกล้แนวรับที่ 1,160-1,155 โดยปกติระดับนี้จะทำให้มีการชะลอการลงหรือรีบาวด์ได้ ส่วนการปรับตัวขึ้นยังคงมีแนวต้านที่เดิม 1,175/1,180 ปัจจัยหนุนเป็นเรื่องศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ที่ตัดสินให้ยกเลิกมาตรการ “Reciprocal Tariffs” กลับมาหนุนตลาด
ประเด็นสำคัญ
• ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (U.S. Court of International Trade) ได้มีคำตัดสินเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ให้ยกเลิกมาตรการ "Reciprocal Tariffs" สั่งให้หยุดบังคับใช้คำสั่งภาษีเหล่านี้อย่างถาวรภายใน 10 วัน หลัง 12 รัฐในสหรัฐฯ ยื่นฟ้องศาล
• FOMC Minutes ประเมินว่าเฟดอาจเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่เงินเฟ้อปรับสูงขึ้นในเวลาเดียวกับที่อัตราการว่างงานก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เพิ่มโอกาสที่เฟดอาจจะคงดอกเบี้ยใกล้เคียงกับมุมมอง INVX
• ติดตามตัวเลข GDP สหรัฐฯ 2nd Est จากครั้งแรก -0.3% ครั้งนี้ตลาดประเมิน -0.3% เช่นเดิม รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ในคืนวันศุกร์ ตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ 2.2% ลดลงจากครั้งก่อนที่ 2.3%
• Reuters เผยซาอุฯ อาจลดราคาขายน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการ (OSP) สู่เอเชียใน ก.ค. ลดสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน หลัง OPEC+ เร่งเพิ่มอุปทานต่อเนื่อง เป็นบวกต่อกลุ่มโรงกลั่นที่นำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางในสัดส่วนสูง เช่น TOP และ SPRC
• รมว.คลังยอมรับเศรษฐกิจยังเปราะบาง จำเป็นต้องตั้งงบขาดดุล 7 แสนล้านบาท ที่ 3% ของ GDP ต่อไปเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในช่วงที่การเติบโตยังต่ำ
• Nvidia (NVDA.US) รายงานผลประกอบการ 1Q69FY (ก.พ. - เม.ย. 2568) เติบโตสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ กำไรสุทธิเติบโต 26% หนุนจากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะ Data Center ที่มีสัดส่วนรายได้สูงกว่า 50% ความต้องการโครงสร้างพื้นฐาน AI โลกมียังคงสูง
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักตัว รอปัจจัยใหม่หลังประกาศผลประกอบการ 1Q68 แล้ว และแนวโน้มช่วง 2H68 มีโอกาสชะลอตัวจากผลกระทบภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ทำให้เกิดแรงขาย ส่วนการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ จะไม่เป็นรูปแบบทวิภาคี แต่สหรัฐฯ จะประกาศฝ่ายเดียวในอีก 2-3 สัปดาห์ ทำให้กลับมามีความไม่แน่นอนอีกครั้ง รวมถึงการเคลื่อนไหวของขั้วการเมืองก่อนสภาพิจารณางบฯ ปี 2569 หากดัชนีปรับลงหรือพักตัวลงมาสู่แนวรับแรกที่ 1170 และ 1155/1120-1100 เรามองเป็นโอกาสเข้าซื้อสะสมสำหรับลงทุนระยะยาว ประเมินสถานการณ์สงครามการค้าโลกในแง่ของอัตราภาษีที่ระดับสูงสุดมีโอกาสผ่านไปแล้ว แต่ยังเสี่ยงจากระดับอัตราภาษีที่ไทยจะได้รับสูงกว่าคู่แข่งการค้าหลัก ติดตาม MSCI Rebalance ในสัปดาห์นี้ กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily top picks
SPRC: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากน้ำมันขึ้นและซาอุฯจะลดราคาขายน้ำมันดิบ OSP สู่เอเชียมาที่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน ช่วยลดต้นทุน รวมถึงเป็นช่วง Driving Season นอกจากนี้แนวโน้ม 2Q68 คาดกำไรดีขึ้น QoQ หนุนโดยส่วนต่างน้ำมันเบนซิน-น้ำมันดิบหนุน และการกลับมาใช้ SPM ลดต้นทุน
KTB: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้น มีโอกาสฟื้นตัวตามภาพรวมของตลาด เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มธนาคาร โดยมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ มี LLR Coverage สูง อีกทั้งคาดเป็นหนึ่งในเป้าหมายของกองทุน ThaiESGX หลังมี SET ESG Ratings “AAA”