นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR พร้อมด้วยนายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ OR และ นางสาววิไลวรรณ กาญจนกันติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารการเงิน OR ร่วมแถลงถึงผลดำเนินงานปี 2565 และทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2566 มุ่งประสานธุรกิจพลังงานและไลฟ์สไตล์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของ OR ผ่านการเสริมความเข้มแข็งของแต่ละธุรกิจรวมถึงผนึกกำลังทั้งภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. พร้อมเปิดประตูความร่วมมือสู่การเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
นายดิษทัต เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวทำให้ ปี 2565 ภาพรวมปริมาณขายปรับเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ส่งผลให้ OR มีรายได้ขายและบริการเพิ่มขึ้น 277,986 ล้านบาท หรือโต 54.3% ส่วนกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อม (EBITDA) เพิ่มขึ้น 273 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% โดยปีที่แล้ว บริษัทยังได้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากบริษัทท่อส่งปิโตรเลียมไทย และผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการร่วมลงทุนกับพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจ Lifestyle อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังมีต้นทุนผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นจากการนำเข้าน้ำมันบางส่วนมาขาย ทำให้ส่วนของธุรกิจ Mobility ได้รับผลกระทบ ส่งผลให้ภาพรวมกำไรของ OR อยู่ 10.370 ล้านบาท ลดลง 1,104 ล้านบาท หรือราว 10% อย่างไรก็ตาม คณะรรมการบริษัทได้อนุม้ติจ่ายเงินปันสำหรับผลดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังอีกหุ้นละ 0.15 บาท
นายดิษฑัต กล่วว่า สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 OR ได้เตรียมงบลงทุนจำนวน 31,197 ล้านบาท มุ่งเน้นการขยายและสร้างความแข็งแกร่งของ Business Value Chain โดยจัดสรรงบประมาณ ดังนี้
กลุ่มธุรกิจ Lifestyle จำนวน 14,193 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 45% ของงบลงทุน สำหรับขยายสาขาร้าน Café Amazon และร้าน Texas Chicken รวมไปถึงการแสวงหาพันธมิตรและการลงทุนใหม่ ๆ โดยนอกจากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) แล้ว OR ยังให้ความสำคัญในกลุ่มธุรกิจด้าน Health & Wellness และ Tourism
ด้านกลุ่มธุรกิจ Mobility มุ่งรักษาความเป็นผู้นำใน Mobility Ecosystem ทั้งในแง่การขยายสาขา PTT Station และ EV Station PluZ รวมถึงการผลักดันให้เกิดความร่วมมือในธุรกิจ EV ของกลุ่ม ปตท. อย่างเป็นระบบ รวมไปถึงการลงทุนใน Green Energy เพื่อเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของแหล่งพลังงาน ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะต้องการพลังงานชนิดใดสำหรับการเดินทาง เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ โดยจัดสรรงบประมาณจำนวน 6,799 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 22% ของงบลงทุน
ทั้งนี้ ปีที่แล้ว บริษัทยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาด โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 43.2% และได้ติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า “EV Station PluZ” แล้วทั้งสิ้นจำนวน 302 แห่ง (หรือ 909 หัวชาร์จ) และได้ร่วมกับพันธมิตรที่หลากหลายในการขยายเครือข่าย EV Station PluZ ให้ผู้บริโภคสามารถเข้าใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นําในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem)
สำหรับกลุ่มธุรกิจ Global ยังคงมุ่งขยายการลงทุนในการเปิด PTT Station และ Café Amazon ผ่านบริษัทในเครือในต่างประเทศ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในประเทศที่ OR ได้เข้าไปดำเนินการแล้ว พร้อมแสวงหาโอกาสในการลงทุนในประเทศใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ โดยจัดสรรงบประมาณจำนวน 4,954 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 16% ของงบลงทุน
ส่วนกลุ่มธุรกิจ OR Innovation มุ่งแสวงหาธุรกิจใหม่เพื่อต่อยอดธุรกิจในปัจจุบัน โดยกำหนดหลักเกณฑ์ด้านสังคม สิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างนวัตกรรมในแบบฉบับของ OR เพื่อเป็นต้นแบบขององค์กรสมัยใหม่และเติบโตอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในนวัตกรรมเพื่อพัฒนาโมเดลทางธุรกิจใหม่ๆ โดยจัดสรรงบประมาณจำนวน 5,251 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 17% ของงบลงทุน
" OR ยังให้ความสำคัญกับสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน SDG ในแบบฉบับของ OR เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบไปด้วย S – SMALL โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก D – DIVERSIFIED โอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบ และ G – GREEN โอกาสเพื่อสังคมสะอาด"นายดิษฑัต กล่าว
โดยล่าสุด OR ได้รับการคัดเลือกจาก S&P Global ให้อยู่ในทำเนียบธุรกิจที่มีความยั่งยืน “The Sustainability Yearbook 2023” กลุ่มธุรกิจ Retailing ภายหลังจาก OR เข้าร่วมประเมินความยั่งยืนในระดับสากลในปีแรกที่เข้าร่วม สอดคล้องกับเกณฑ์การประเมินระดับสากลของ DJSI (Dow Jone) และบริษัทยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อขององค์กรที่ระดับ AA+ พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต "คงที่" จากบริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น สะท้อน ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง (ณ 31 ธ.ค. 2565 OR มีสินทรัพยืรวม 2.25 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท) และความเชื่อมั่นการเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์น้ำมันและค้าปลีกในประเทศไทย