กลุ่มแบงก์ ประกาศงบปีออกมาแล้ว ทั้งระบบมีกำไรรวมกัน 2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.69% 8 ใน 10 แบงก์กำไรโต ขณะที่ BAY-KBANK กำไรลดลง โดยเฉพาะ KBANK หักปากกานักวิเคราะห์ แต่ยังแนะนำซื้อราคาเป้าหมายเฉลี่ย 184 บาท ยก BBL เด่นสุดในกลุ่ม ให้เป้า 173 บาท  

กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ประกาศผลประกอบการงวดปี 2565 ออกมาครบแล้ว 10 ธนาคาร ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลของ Clubhoon พบว่า ทั้ง 10 ธนาคาร มีกำไรรวมกัน 200,662.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.69%เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรรวมกัน 182,933.20 ล้านบาท 

โดยแบงก์ส่วนใหญ่ 8 ใน 10 แห่ง มีกำไรเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งกำไรที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่การตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัญจะสูญลดลง มีเพียง 2 แบงก์ที่กำไรลดลง คือ 

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY กำไรลดลง 9.12% เหลือ 30,712.99 ล้านบาท เทียบกับปี 2564 ที่มีกำไร 33,794.19 ล้านบาท 

ส่วนอีกแห่งคือ ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANKมีกำไร 35,769.49 ล้านบาท ลดลง 6%เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่มีกำไร 38,052.72 ล้านบาท ถือว่าพลิกความคาดหมาย หักปากกานักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 4.2 หมื่นล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการตั้งสำรองก้อนใหญ่ และเป็นปัจจัยลบกดดันหุ้นกลุ่มแบงก์ทั้งกลุ่มปรับตัวลดลงในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา 

เหตุผลที่ ทั้ง 2 ธนาคาร กำไรลดลง เนื่องจากมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น และที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง ในขณะค่าใช้จ่ายก็เพิ่มสูงขึ้น

แบงก์ที่สร้างเซอร์ไพรซ์ กำไรท๊อปฟอร์มเหนือความคาดหมาย ต้องยกให้ ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB ปี 2565 กำไรสุทธิ 33,697.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.09% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 21,588.29 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ตามยอดปล่อยสินเชื่อที่โตขึ้น บวกกับรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ้มขึ้นจากแอพเป๋าตัง ขณะที่การตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตลดลง

อีกแบงก์ที่กำไรเติบโตโดดเด่น คือ ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ TTB ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 14,195.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.53% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 10,474.05 ล้านบาท

และธนาคารเกียรตินาคินภัทร หรือ KKP มีกำไรสุทธิ 7,602.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.32% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 6,318.05 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อที่มีการขยายตัวได้ดีในสินเชื่อทุกประเภท รวมถึงผลขาดทุนด้านเดรดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง

ธนาคาร ทิสโก้ ไฟแนนเชี่ยลกรุ๊ป หรือ TISCO ที่คนทั่วไปรู้จักในสินเชื่อ “สมหวัง เงินสั่งได้” ปี 2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7,221.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.44% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 6,784.59 ล้านบาท เป็นผลมาจากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ถือว่าผลการดำเนินงานเติบโตดี สามารถทำกำไรทธิได้ 29,305.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.56% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 26,507.04 ล้านบาท 

ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 37,546.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 35,589.99 ล้านบาท

ผลประกอบการกลุ่มแบงก์ที่ส่วนใหญ่กำไรเติบโต ถึงแม้ BAY และ KBANK จะกำไรลดลง และกลายเป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลดลงในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ในมุมมองของนักวิเคราะห์ ยังคงแนะนำซื้อ เพราะราคาหุ้นแบงก์ทุกตัว ยังต่ำกว่าราคาเป้าหมาย โดย KBANK บล.ดาโอ ให้ราคาเป้าหมายไว้สูงถึง 195 บาท ส่วนบล.เคจีไอ ให้ราคาเป้าหมาย 188 บาท บล.กรุงศรี ให้ไว้ที่ 180 บาท 

โดยเฉพาะ BBL ถูกโบรกเกอร์ ยกให้เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม ในความเห็นนักวิเคราะห์ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 173.62 บาท ซึ่ง บล.ดาโอ ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 170 บาท ส่วนบล.เคจีไอ ให้ราคาเป้าหมาย 186 บาท และบล.กรุงศรี ให้ไว้ที่ 180 บาท 

ส่วน KTB ที่กำไรท๊อปฟอร์ม โบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยไว้ที่ 20.43 บาท