Market

JCKH ฮุบ 2 ร้านอาหารแบรนด์ดัง `ชาบูอินดี้` - Burger & Lobster
23 มิ.ย. 2565

JCKH เข้าซื้อ 2 ร้านอาหารแบรนด์ดัง  "ชาบูอินดี้" ที่มียอดขายหลักร้อยล้าน ที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับล่าง และร้าน Burger & Lobster ที่เน้นลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยม

 

บริษัท เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JCKH  เจ้าของธุรกิจอาหาร ภายใต้ชื่อ “ ฮอท พอท"  ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า บอร์ดบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าลงทุนโดยการซื้อทรัพย์สินจาก บริษัท อินดี้ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของร้านชาบูชื่อดัง แบรนด์ "ชาบูอินดี้"  ประกอบด้วย เครื่องหมายการค้าภายใต้แบรนด์ “ชาบูอินดี้” , ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง, ทรัพย์สินถาวรอื่นๆ และตู้แช่สินค้า รวมถึงการรับโอนสิทธิในการประกอบธุรกิจภายใต้แบรนด์ “ชาบูอินดี้” 

 

สำหรับ “ชาบูอินดี้” เริ่มต้นธุรกิจในปี 2554 จากการปลุกปั้นของ น.ส.สุภัทรา ดวงงา สาววังทอง พิษณุโลก ที่เน้นจับกลุ่มลูกค้าบุฟเฟต์ ระดับกลางถึงล่าง เลียนแบบร้านชาบูในห้างฯ เอามาอยู่นอกห้าง เริ่มสาขาแรกที่นครราชสีมา ปัจจุบันมีสาขาทั่วทุกภูมิภาคกว่า 121 สาขา มียอดขายมากกว่า 100 ล้านบาท

 

แต่สถานการณ์โควิดที่แพร่ระบาด และผลจากมาตรการของรัฐบาล สั่งปิดร้านอาหาร ส่งผลกระทบทำให้ธุรกิจร้าน “ชาบูอินดี้” เริ่มย่ำแย่  โดยในปี 2562 มีรายได้รวม 142.47 ล้านบาท กำไรเหลือเพียงแค่ 465,262 บาท  ปี 2563 มีรายได้รวม 110.97 ล้านบาท แต่ขาดทุนมากถึง 14.90 ล้านบาท และในปี 2564 มีรายได้รวม 105.26 ล้านบาท ขาดทุน 4.93 ล้านบาท ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้น.ส.สุภัทรา ตัดสินใจขายกิจการทั้งหมดให้กับทาง JCKH

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯไม่ได้ให้รายละเอียดของมูลค่าเงินลงทุนในการเข้าซื้อทรัพย์สินจาก บริษัท อินดี้ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดย ณ สิ้นปี 2564 ชาบูอินดี้ มีสินทรัพย์รวม  48.40 ล้านบาท ประกอบด้วย ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 27.98 ล้านบาท สินทรัพย์หมุนเวียน 17.50 ล้านบาท สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน 30.89 ล้านบาท มีลูกหนี้การค้าสุทธิ 15.35 ล้านบาท และสินค้าคงเหลือ 1.6 ล้านบาท 

 

นอกจากนี้ ซื้อกิจการ“ชาบูอินดี้” แล้ว บอร์ด JCKH ยังมีมติให้บริษัท เข้าซื้อสิทธิในการประกอบธุรกิจร้านอาหารภายใต้ชื่อทางการค้า “Burger & Lobster” จาก บริษัท ล็อบสเตอร์ เพาเวอร์ จำกัด  ซึ่งได้รับสิทธิในการประกอบธุรกิจร้านอาหารภายใต้ชื่อทางการค้า “Burger & Lobster” แต่เพียงผู้เดียว (exclusivity) ภายในเขตประเทศไทย จากเจ้าของสิทธิแฟรนไชด์ในต่างประเทศ (Master Agreement) ในมูลค่า 150,000 ปอนด์ หรือคิดเป็นเงิน 6.57 ล้านบาท  ปัจจุบันล็อบสเตอร์ เพาเวอร์ ได้เปิดดำเนินธุรกิจร้านอาหาร “Burger & Lobster” แล้ว  1 สาขา

 

การเข้าลงทุนในครั้งนี้ บอร์ดพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจในการเพิ่มแบรนด์ ร้านอาหารในการบริหารจัดการของบริษัท โดยร้านอาหาร“Burger & Lobster” เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก มีฐานลูกค้ากว้างขวาง โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวและลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยม ที่บริษัทยังไม่สามารถเข้าถึงได้ในแบรนด์ในเครือปัจจุบัน อีกทั้งค่าตอบแทนในการได้สิทธิในการเปิดสาขาใหม่ยังเป็นราคาที่เหมาะสม 

 

โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะเปิด 1 สาขาดังกล่าวภายในปี 2565 ซึ่งจะเป็นสาขาแรกภายใต้การลงทุนและ บริหารจัดการของบริษัท และเป็นสาขาที่ 2 ของ Burger & Lobster ในประเทศไทย

 

เข้าซื้อกิจการ 2 ร้านอาหารแบรนด์ดัง เพื่อต่อยอดธุรกิจ เข้าถึงลูกค้าที่หลากหลาย ซึ่งปัจจุบัน JCKH ดำเนินด้านธุรกิจอาหารภายใต้ชื่อ “ ฮอท พอท บุฟเฟ่ต์ อาหารประเภทสุกี้ ชาบู ปัจจุบันมีการขยายธุรกิจในรูปแบบธุรกิจร้านอาหารนานาชาติสไตล์บุฟเฟ่ต์ (All U Can Eat) และร้านอาหารแบบตามสั่ง (A La Carte) และขยายธุรกิจร้านอาหารปิ้งย่าง และชาบูสไตล์ญี่ปุ่น ร้านอาหารอิตาเลี่ยน รวมถึงร้านอาหารบรรยากาศนั่งสบาย (Casual Dining) ได้แก่ Zheng Dou , DAIDOMON ,BONSAI และ SEXY COW


 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com