"ปูนใหญ่" ปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจผลิตกระเบื้องปูพื้น บุผนัง และสุขภัณฑ์ ใช้ "เอสซีจี เดคคอร์" เป็นบริษัทแกนนํา และขายไอพีโอ เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นเพียงบริษัทเดียว พร้อมประกาศทำคำเสนอหุ้น COTTO ด้วยวิธีแลกหุ้น ก่อนเพิกถอน COTTO ออกจากตลาดหุ้น
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทยจํากดั (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มบริษัทย่อย โดยให้ บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (SCG Decor) เป็นบริษัทแกนนํา (Flagship company) ของกลุ่ม SCC ในการดําเนินธุรกิจผลิตกระเบื้องปูพื้น บุผนัง และสุขภัณฑ์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในการจําหน่ายสินค้ากระเบื้องปูพื้น บุผนัง และสุขภัณฑ์นั้น SCG Decor จําหน่ายผ่านช่องทางการจัดจําหน่ายหลากหลายประเภท รวมทั้งช่องทางการจําหน่ายของ SCG Decor เอง และให้ SCG Decor เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพียงบริษัทเดียว ในธุรกิจผลิตกระเบื้องปูพื้น บุผนัง และสุขภัณฑ์
เพื่อให้เป็นไปตามแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจ SCC มีแผนจะออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกของ SCG Decor และนำหุ้นของ SCG Decor เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกดังกล่าว จะเกิดขึ้นพร้อมกับการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO โดยผู้ถือหุ้น COTTO ที่ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จะได้รับค่าตอบแทนเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SCG Decor (การแลกหุ้น หรือ Share Swap) โดยจะไม่มีการชำระค่าตอบแทนในรูปแบบของตัวเงิน (No Cash Alternative) และ COTTO จะดำเนินการเพิกถอนหุ้นจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน
ทั้งนี้ เพื่อให้ SCG Decor เป็นบริษัทแกนนำที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพียงบริษัทเดียว โดยที่ COTTO จะถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ และการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกของ SCG Decor เสร็จสมบูรณ์
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขึ้นเครื่องหมายห้ามซื้อขายหุ้น COTTO เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 29 มีนาคม 2566 จนถึงวันที่ 30 มีนาคม 2566 เนื่องจาก SCG Decor ซึ่งจะเป็นผู้ทำคำเสนอซื้อจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทในช่วงเย็นวันที่ 29 มีนาคม 2566 เพื่ออนุมัติแผนการปรับโครงสร้างดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการอนุมัติราคาเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหุ้นของบริษัทฯ ที่จะทราบในวันพรุ่งนี้(30 มี.ค.)