Market

InnovestX  คาด SETแกว่งรอ ครม. กับ Dot Plot
15 ก.ย. 2568

แนวโน้มตลาดวันนี้ (15 ก.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์ วันก่อนดัชนีติดแนวต้านที่ 1300 ก่อนย่อตัวลง ยังติดตามความคืบหน้าในการจัดตั้ง ครม. และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่เพิ่มเติม นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิเล็กน้อยในขณะที่นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิต่อ ตลาดรอดู Dot Plot และสัญญาณดอกเบี้ยของประธานเฟดในช่วงต่อจากนี้ คาดว่าจะเป็นการแกว่งตัวรอผลประชุม ทางเทคนิคมีแนวต้านที่ 1300/1310 ที่จะทำให้ชะลอตัวลง ส่วนแนวรับที่ 1290/1280 พักสั้นเพื่อขึ้นไม่ควรต่ำกว่ามากนัก 

 

ประเด็นสำคัญ

• กรมอุตุฯ เตือนทุกภูมิภาคของไทยจะเผชิญฝนฟ้าคะนองราว 60-70% ของพื้นที่ ด้านปริมาณน้ำในเขื่อนเช้านี้โดยรวมล่าสุดที่ 76% ของความจุดทั้งหมด ซึ่งใกล้เคียงกับในปีที่เกิดมหาอุทกภัยในปี 2554 ที่ 78% สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ แนะนำหาจังหวะซื้อเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์อุทกภัยอย่าง TASCO, BJC, HMPRO และ GLOBALจากสถิติพบว่าราคาหุ้นจะปรับขึ้นได้ดีเมื่อลงทุนช่วงกลาง ก.ย. และขายต้น พ.ย. โดยคาดหวังผลตอบแทนสูงสุดเฉลี่ยราว 2.6%

 

• ว่าที่ รมว. พาณิชย์เผยพร้อมทำงานแม้มีเวลาจำกัด ให้ความสำคัญการค้าทั้งในและต่างประเทศ เห็นด้วยกับ “คนละครึ่ง” แต่ต้องควบคู่กับมาตรการสร้างรายได้, ผลักดัน SMEs และการส่งออก ด้านต่างประเทศ ต้องร่วมทำงานกับ ตปท. และคลัง, ประสานความพร้อมกับเอกชน โดยเฉพาะ US Tariff และ CBAM และช่วยเหลือปัญหาบาทแข็งค่า

 

• ว่าที่ รมช. คลังสนับสนุนแนวคิด Risk-based Pricing (RBP) หรือกลไกพิจารณาความเสี่ยงของผู้กู้ เสี่ยงสูงสามารถกู้ได้-เสี่ยงต่ำกู้ได้ถูกลง ทำให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อแก้ไขปัญหาลูกหนี้ความเสี่ยงสูงถูกผลักออกสู่นอกระบบ จัดการปัญหาหนี้นอกระบบอย่างยั่งยืน

 

• ม. มิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เบื้องต้นใน ก.ย. 2568 ลดลงกว่าที่ตลาดคาดไว้และทำระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ พ.ค. 2568 ที่ 58.0 กดดันจากความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อ, ตลาดแรงงานสหรัฐฯ และมาตรการภาษีการค้าของ ปธน. ทรัมป์

 

• ปธน. ทรัมป์เสนอชาติ NATO เก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50-100% ต่อประเทศที่ซื้อพลังงานรัสเซียเพื่อกดดันให้เกิดสันติภาพในยูเครน ด้านญี่ปุ่นได้อนุมัติการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย ได้แก่ การลดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซียลง, การอายัดทรัพย์สินของบุคคลและองค์กร และห้ามส่งออกสินค้าให้กับบางองค์กรในรัสเซีย, จีน และตุรกี

 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวไซด์เวย์ ระหว่างรอผลการประชุม FOMC ซึ่งคาดจะมีการลดดอกเบี้ย รวมทั้งจับตา Dot Plot และถ้อยแถลงของประธานเฟดที่จะชี้นำการลดดอกเบี้ยในปีหน้า ส่วนในประเทศติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้

1. หุ้น Earnings Play ซึ่งคาด 2H68 ผลการดำเนินงานเติบโตดีทั้ง HoH และ YoY แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลและปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่ ADVANC BCPG GULF SCC

2. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET100 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ PTT TTB

3. Trading Idea : สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลงและ/หรือ ดอลลาร์อ่อนค่า(บาทแข็งค่า) แนะนำ REITs (DIF) อสังหาฯ (AP SIRI) เช่าซื้อ (MTC) และโรงไฟฟ้า (GPSC BCPG GULF) 2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากสถานการณ์น้ำท่วมในไทย แนะนำ TASCO BJC HMPRO GLOBAL และ 3) หุ้นที่ได้อานิสงส์จากออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และ/หรือ ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาดีขึ้น ได้แก่ ค้าปลีก (CPALL GLOBAL TNP) เครื่องดื่ม (CBG OSP HTC ICHI) ท่องเที่ยว (CENTEL) นิคม (AMATA WHA) วัสดุก่อสร้าง (SCC) ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากเงินบาทแข็งค่าอย่าง อิเล็กทรอนิกส์ (KCE HANA DELTA) และอาหาร (TU CPF GFPT) ซึ่งมีรายได้บางส่วนอยู่ในรูปดอลลาร์

 

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสไซด์เวย์ในกรอบ โดยมีแนวต้านบริเวณ 1300-1320 จุด ทั้งนี้ประเมินตลาดจะให้น้ำหนักหลักกับปัจจัยต่างประเทศอย่างการประชุมนโยบายการเงิน FOMC (17 ก.ย.) ซึ่งคาดเฟดจะมีมติลดดอกเบี้ยนโยบาย 25bps รวมทั้งจับตา Dot Plot และถ้อยแถลงของประธานเฟดที่จะชี้นำการลดดอกเบี้ยในปีหน้า ส่วนการประชุมนโยบายการเงิน BoE และ BoJ ตลาดคาดยังมีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่เดิม ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังอยู่ระหว่างรอติดตามข่าวความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลและแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่เพิ่มจากโครงการคนละครึ่ง ซึ่งจะมีผลต่อการเรียกความเชื่อมั่นการลงทุนให้ฟื้นตัวและการทยอยไหลเข้าของ Fund Flow ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

Daily Top Picks

PTT: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากการเข้าสู่ช่วงประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล โดยคาดให้ Div. Yield ใน 1H68 ราว 2.5% ในขณะที่ 3Q68 คาดกำไรฟื้นตัวจากธุรกิจ P&R และธุรกิจ E&PPTT ดีขึ้น และยังมีแผนปลดล็อกเงินสด 1 แสนลบ. ผ่านการทำ Asset Monetization ใน 2H68 ถึงปี 2569 ประเมินราคาเป้าหมายระยะสั้น 34.50 บาท

 

TASCO: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งคาดจะหนุนความต้องการสินค้าซ่อมแซมพื้นผิวถนนหลังน้ำลด และการเร่งเบิกจ่ายงบปี 2569 จากรัฐบาลใหม่ ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 2568 จะพลิกเติบโต 5.6%YoY ขณะที่หุ้นซื้อขายที่ PER 2568F ไม่แพงที่ระดับราว 11 เท่า มีราคาเป้าหมายระยะสั้นที่ 15.40 บาท

 

 

 

 

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com