กลุ่มบริษัทในเครือซีพี ของเจ้าสัวธนินทร์ เจียรวนนท์ 4 บริษัทในตลาดหุ้น ประกาศงบการเงินไตรมาส 2/65 ออกมาครบแล้ว มีกำไรรวมกัน 8,023.81 ล้านบาท โดยที่ CPALL และ MAKRO มีกำไรเพิ่มขึ้น ขณะที่ CPF กำไรลดลง และ TRUE ขาดทุนเพิ่มขึ้น155% ทำให้ภาพรวมกำไรทั้งกลุ่มโตแค่ 1.36% ส่วนงวดครึ่งปีกำไรลด 20.74%

กลุ่มบริษัทในเครือซีพี ของเจ้าสัวธนินทร์ เจียรวนนท์ 4 บริษัทในตลาดหุ้น ประกาศงบการเงินไตรมาส 2/65 ออกมาครบแล้ว โดยหากรวมทั้ง 4 บริษัท พบว่ามีกำไรรวมทั้งสิ้น 8,023.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 1.36% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรรวมกัน 7,915.56 ล้านบาท 

ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี 65 ทั้งกลุ่มมีกำไรรวมกัน 14,752.11 ล้านบาท ลดลง 20.74%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่กำไรทั้งกลุ่ม 18,612.43 ล้านบาท

โดยหากพิจารณารายบริษัทพบว่า ในไตรมาส 2/65 มีทั้งที่กำไรเพิ่มขึ้น และลดลง รวมทั้งขาดทุนต่อเนื่อง ไล่เรียงจากพี่ใหญ่ 

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ไตรมาส 2/65 แม้รายได้จะเพิ่มขึ้นถึง 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แตะระดับ 155,996 ล้านบาท แต่ส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนลดลง 1,546 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมาจากผลการดําเนินงานของบริษัทร่วมในประเทศจีน ที่ได้รับผลกระทบจากราคาสุกรที่อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้กำไรเหลือเพียง 4,208.11 ล้านบาท ลดลง 11.17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 4,737.29 ล้านบาท 

ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 65 มีกำไร 7,050.16 ล้านบาท  ลดลง 39.65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 11,682.76 ล้านบาท

โดยที่บอร์ด CPF ได้อนุมัติปันผลระหว่างกาลงวด 6 เดือนแรกปี 65 หุ้นละ 0.40 บาท และจะขึ้น เครื่องหมาย XD (ไม่ได้รับสิทธิปันผล) ในวันที่ 30 ส.ค.65

สำหรับ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL  ไตรมาส 2/65 มีรายได้รวม 213,655ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่ได้รับปัจจัยบวกต่อเนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีกำไร 3,004.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 2,189.69 ล้านบาท 

ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 65 มีกำไร 6,457.04 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 34.83% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 4,788.75 ล้านบาท

ซึ่งบอร์ด CPALL ก็มีการจ่ายเงินปันผลเช่นกัน แต่ยังไม่แจ้งรายละเอียด
 

สำหรับ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ  MAKRO  มีกำไร 1,572.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.20% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 1,287.11 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายจำนวน 113,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการรวมกิจการกลุ่มธุรกิจค้าปลีก

ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 65 มีกำไร 3,623.27 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 19.94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 3,020.86 ล้านบาท 
            

ซึ่งบอร์ด MAKRO ได้อนุมัติปันผลระหว่างกาลงวด 6 เดือนแรกปี 65 หุ้นละ 0.18 บาท และจะขึ้น เครื่องหมาย XD (ไม่ได้รับสิทธิปันผล) ในวันที่ 22 ส.ค.65 นี้

ในขณะที่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ในไตรมาส 2 ปี 2565 มีผลขาดทุนสุทธิ 761.28 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น155% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ที่มียอดขาดทุน 298.53 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพื่อสนับสนุนการขยายโครงข่าย 5G และการให้บริการอย่างต่อเนื่อง

โดยที่กลุ่มทรู มีรายได้รวม 34,055 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2565 ทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน

โดยรายได้จากการให้บริการของทรูมูฟเอช เท่ากับ 19,927 ล้านบาท ลดลง 1.2%

รายได้จากการให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตของทรูออนไลน์  7,254 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน

รายได้จากการให้บริการของทรูวิชั่นส์  2,231 ล้านบาท ลดลง 6.3%3 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน   

ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 65 มีตัวเลขขาดทุน 2,378.36 ล้านบาท  ขาดทุนเพิ่มขึ้น 170.28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ขาดทุน 879.94 ล้านบาท

สำหรับ TRUE ยังมีปัญหาคาราคาซัง กรณีการควบรวมกิจการกับ DTAC ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่เดือน พ.ย. จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เนื่องจาก กสทช. ในฐานะหน่วยงานควบคุม (regulator) ยังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ เพื่อป้องกันการผูกขาดตลาดโทรคมนาคม หรือการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม