Market

MTC กำไรต่ำกว่าคาดฉุดหุ้นร่วง โบรกฯ แนะ “ขาย” กังวล D/E ใกล้ 3 เท่า
10 พ.ย 2564

MTC ราคาหนักระหว่างวันกว่า  6% หลังแจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาด โบรกฯ แนะขาย ชี้กำไรต่ำคาดจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานและตั้งสำรองเพิ่มอย่างมาก กังวล D/E ใกล้ 3 เท่า กระทบปล่อยสินเชื่อ

 

ราคาหุ้น บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล หรือ MTC ปรับลดทันที 2.25 บาท ตั้งแต่เริ่มเปิดการซื้อขาย มาอยู่ที่ 61 บาท ก่อนที่จะมีแรงเทขายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาต่ำสุดระหว่างวันไปอยู่ที่ 59 บาท หรือลดลงกว่า 6% ก่อนจะปิดทำการซื้อขายที่  61 ลดลง 2.25 หรือ ลดลง 3.56% ด้วยมูลค่า 1,839.56 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ MTC ได้ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ ว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 4,032 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,201 ล้านบาท ส่วนภาพรวม 9 เดือน มีรายได้รวม 11,785 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,844 ล้านบาท ซึ่งโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มองตรงกันว่า เป็นผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และพากันปรับประมาณการ และปรับคำแนะนำในการลงทุนใหม่

 

บมจ.หลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะนำให้ “ขาย” หุ้น MTC โดยมีราคาเป้าหมายที่ 61 บาท เนื่องจากผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ โดยปรับลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เป็นเพราะค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะเดียวกันสินเชื่อหดตัวเกินคาด โดยลดลง 30bps เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และ 240bps เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลือ 18.8%

 

ทั้งนี้ แม้ไตรมาส 3 บริษัทจะกลับมาขยายสินเชื่อได้อย่างแข็งแกร่ง หลังความต้องการสินเชื่อหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายมีมากขึ้น แต่ก็ต้องเผชิญแรงกดดันทางด้านรายได้ ซึ่งเกิดจากการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่อมอเตอร์ไซค์ลงเหลือ 16% และสินเชื่อรถยนต์ลงเหลือ 18% เพื่อสู้กับดอกเบี้ยสินเชื่อที่ต่ำของ GSB ในช่วงต้นปี 64

 

ส่วนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจาก 1) การเร่งขยายสาขาอีก 381 แห่ง ในไตรมาส 3 ทำให้มีสาขารวมแล้ว 5,665 แห่ง  2) มีการให้แรงจูงใจกับพนักงานในการติดตามหนี้ในช่วงที่โควิด-19 ระบาด เพื่อรักษา NPL ให้ต่ำ

 

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลต่อ D/E ที่สูงใกล้แตะ 3 เท่า ในไตรมาสนี้จะไปจำกัดศักยภาพในการขยายสินเชื่อในอนาคต

 

บมจ.หลักทรัพย์ฟิลลิป(ประเทศไทย) ปรับลดคำแนะนำจาก “ซื้อ” ลงมาเป็น “ทยอยซื้อ” โดยปรับราคาพื้นฐานลงมาเป็น 70.50 บาท เนื่องจากมองว่า กำไรไตรมาส 3 ที่ 1,201 ล้านบาท ลดลง 10.4% เมื่อเทียบกันช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 5.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ต่ำกว่าคาดการณ์ไว้ จากค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าคาด ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาจากค่าใช้จ่ายพนักงานที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขา และค่าเสื่อมราคาจากสิทธิ์การใช้สินทรัพยื ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กำไรในไตรมาสนี้ลดลง นอกเหนือจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียม ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยยังคงเพิ่มขึ้น และมีการตั้งสำรองลดลง

 

ส่วนกำไรในรอบ 9 เดือน ทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน ถึงแม้ว่า ทั้งรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจะเพิ่มสูงขึ้น แต่การตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมากทำให้กำไรไม่เพิ่มขึ้น จึงปรับประมาณการกำไรในปี 64 ลงเหลือ 5.2 พันล้านบาท จากเดิมที่คาดไว้ 5.3 พันล้านบาท ลดลง 0.6% จากปีก่อน

 

--------------

ติดตามข่าวสาร ความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่


Facebook : Clubhoon


Website : www.Clubhoon.com


Twitter : www.twitter.com/Clubhoon1

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com