ด่วน! ก.ล.ต.สั่งอายัดทรัพย์สิน 10 ผู้ถูกกล่าวโทษปมหุ้น STARK กระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 พร้อมสั่งห้ามออกนอกประเทศ
หลังจาก สำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) กรรมการ อดีตกรรมการและอดีตผู้บริหารของ STARK รวม 10 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีร่วมกันกระทำหรือยินยอมให้มีการลงข้อความเท็จในบัญชีเอกสารของ STARK และบริษัทย่อย ในช่วงปี 2564 – 2565 เพื่อลวงบุคคลใด ๆ และเปิดเผยงบการเงินในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนที่เชื่อได้ว่า มีการตกแต่งงบ รวมทั้งปกปิดความจริงในข้อมูล factsheet เสนอขายหุ้นกู้ STARK ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำโดยทุจริตหลอกลวง และทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวง พร้อมกันนี้ได้ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
ล่าสุด นายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ลงนามในคำสั่งอายัดทรพัย์ 10 ผู้ถูกกล่าวโทษว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 โดยมีกำหนด 180 วัน ประกอบด้วย
1.นายชนินทร์ เย็นสุดใจ
2.นายชินวัฒน์ อัศวโภคี
3.นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ
4.นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ
5. นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม
6. บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
7. บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด
8. บริษัท อดิสรสงขลา จำกัด
9.บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
10. บริษัท ไทยเคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
โดยครอบคลุมถึงทรัพย์สินทุกประเภทของบุคคลและนิติบุคคลดังกล่าว หรือทรัพย์สินที่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าเป็นของบุคคลและนิติบุคคลนั้น ทั้งนี้ ที่มีอยู่ในความครอบครอง หรือที่มีอยู่ทางทะเบียนทั้งหมด
เมื่อได้มีคำสั่งอายัดแล้ว ห้ามผู้ใดทำลาย ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่บุคคลอื่น ซึ่งทรัพย์สินที่ถูกอายัดดังกล่าว หากฝ่าฝืนจะมีความผิดทางอาญา
นอกจากนี้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. ยังมีคำสั่งห้าม (1) นายชนินทร์ เย็นสุดใจ (2) นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ (3) นายชินวัฒน์ อัศวโภคี (4) นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ และ (5) นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม มิให้ออกนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว มีกำหนด 15 วัน เนื่องจากมีเหตุฉุกเฉินอันควรสงสัยว่าบุคคลดังกล่าวจะหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร โดยหลังจากนี้ ก.ล.ต.จะไปร้องขอต่อศาลอาญาเพื่อออกคำสั่งห้ามมิให้บุคคลดังกล่าวออกนอกราชอาณาจักรต่อไป