Market

หุ้นน้ำมัน-โรงกลั่นพุ่งสวนตลาด รับข่าววิกฤตสงครามในยูเครน
24 ก.พ. 2565

สถานการณ์ในยูเครนที่ใกล้ปะทุเป็นสงครามฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วง แต่หุ้นกลุ่มน้ำมัน-โรงกลั่น กลับพุ่งสวนตลาด

          

หุ้น บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) พุ่ง 3.12% มาอยู่ที่ 132.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท เมื่อเวลา 12.16 น. ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,884.45 ล้านบาท

 

หุ้น บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ปรับขึ้น 2.44% มาอยู่ที่ 31.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 223.76 ล้านบาท

 

หุ้น บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) ปรับขึ้น 1.15% มาอยู่ที่ 8.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 230.84 ล้านบาท

 

และหุ้น บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ปรับขึ้น 1.42% มาอยู่ที่ 53.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 531.03 ล้านบาท

 

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ -รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและโรงกลั่นปรับตัวขึ้นตาม Sentiment สถานการณ์ความตึงเครียดระหวางรัสเซีย-ยูเครน หลังจากล่าสุดรัสเซียเริ่มปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันดิบถีบตัวสูงขึ้นทันที โดยรัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก
          

ทั้งนี้ หลังรัสเซียประกาศเปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหารในภูมิภาคดอนบาสทางภาคตะวันออกของประเทศยูเครนและเกิดเหตุระเบิดขึ้นในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ดีดตัวขึ้น 3.03% แตะที่ 99.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) ของสหรัฐพุ่งขึ้น 3.52% แตะที่ 95.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาก๊าซธรรมชาติ พุ่งขึ้น 2.33% ส่วนดัชนีดาวน์โจนส์ฟิวเจอร์ดิ้งลงกว่า 700 จุด
          

นายกิติชาญ กล่าวว่า จากปัจจัยสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้นักลงทุนโยกเงินเข้ากลุ่มพลังงาน กลุ่มโรงกลั่น และ กลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งเป็นกลุ่มปลอดภัย โดยระยะสั้นเก็งกำไรกลุ่มโรงกลั่นที่คาดจะได้กำไรสต็อกน้ำมัน ขณะที่ค่าการกลั่นกลับลดลงเพราะน้ำมันสำเร็จรูปไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ทันราคาน้ำมันดิบที่ถีบตัวสูงขึ้น  นอกจากนี้คาดว่าหากเกิดภาวะสงครามก็จะทำให้ผู้คนลดการเดินทางลง

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com