InnovestX คาดหุ้นไทยวันนี้ ไซด์เวย์ มองแนวรับ 1258/1248 ส่วนแนวต้าน 1275/1285 จับตาผลการประชุมกนง.คาดจะลดดอกเบี้ยลง 25bps
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้(17 ธ.ค.) คาด SET ไซด์เวย์/แกว่งขึ้น การประชุม กนง. วันนี้เราและตลาดคาดว่ากนง. จะลดดอกเบี้ยลง 25bps ผลสำรวจ Bloomberg มีเพียง 1 ท่านจากทั้งหมด 24 ท่านที่คาดว่าคงดอกเบี้ย อีก 23 ท่านคาดลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามชายแดนไทย-กัมพูชาอาจทำให้สหรัฐฯ นำประเด็นนี้มากดดันเรื่องภาษียังเป็นความเสี่ยง ทางเทคนิค ยังแกว่งตัวในกรอบรอการเบรก กรอบบนอยู่ที่ 1275/1285 ยืนเหนือได้จะเป็นการแกว่งตัวขึ้นต่อ ในขณะที่การอ่อนตัวลงมีแนวรับที่ 1258/1248 ที่ต้องไม่หลุดต่ำกว่า
ประเด็นสำคัญ
- วันนี้ติดตามการประชุมนโยบายการเงิน กนง. ครั้งสุดท้ายของปี 2568 เราคาดว่าจะลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps สู่ 1.25% ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลงจะเป็นบวกต่อกลุ่มที่มีต้นทุนการเงินสูงอย่างไฟแนนซ์, โรงไฟฟ้า, อสังหา
- นายกฯ สั่ง รมว. คลังและพาณิชย์หารือกับ ธปท. เพื่อหาแนวทางรับมือปัญหาบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้านผู้ว่าฯ ธปท. เผยสาเหตุหลักมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ และเม็ดเงินที่ไหลเข้าตามปัจจัยฤดูกาลจากการท่องเที่ยวและส่งออก รวมถึงปริมารณธุรกรรมที่สูงของผู้ค้าทองคำ
- นทท. ต่างชาติเดินทางเข้าไทยในสัปดาห์ก่อนจำนวน 704,734 คน เพิ่มขึ้น 5.2%WoW จากทั้งกลุ่มระยะใกล้และไกล โดยเฉพาะมาเลเซียที่ฟื้นตัว 21.2%WoW หลังเผชิญน้ำท่วม ส่วนเกาหลีใต้และจีนขยายตัว 3.4%WoW และ 2.6%WoW ตามลำดับ ทำให้จำนวน นทท. ต่างชาติสะสมที่ 30.98 ล้านคน ลดลง 7.2%YoY
- การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ใน พ.ย. 2568 เพิ่มขึ้น 6.4 หมื่นตำแหน่งสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ แต่ใน ต.ค. ลดลง 1.05 แสนตำแหน่ง มากที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2563 สะท้อนตลาดแรงงานที่ชะลอต่อ ตลาดมองความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยใน ม.ค. 2569 ที่ 23%
- ราคาน้ำมันดิบทั้ง WTI และ Brent ปรับลงกว่า 2.7%DoD หลังตลาดกังวลอุปทานน้ำมันล้นตลาด และข้อตกลงสันติภาพยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนใกล้เป็นจริงทำให้รัสเซียจะส่งออกน้ำมันเข้าสู่ตลาดได้ ซึ่งราคาน้ำมันที่ปรับลงจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มสายการบิน ขนส่ง โรงไฟฟ้า และค้าปลีกน้ำมัน
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาส Sideway Down จากกังวลสุญญากาศทางการเมืองไทย โดยมีแนวโน้มลงไปทดสอบฐานเดิมบริเวณ 1230 และมีกรอบบนจำกัดที่ 1285 โดยมีปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญ ได้แก่ BoJ (ตลาดคาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 25bps สู่ 0.75%), ECB และ BoE (ตลาดคาดจะยังคงดอกเบี้ยนโยบาย) รวมถึง กนง. (ตลาดคาดปรับลดดอกเบี้ย 25bps สู่ 1.25%) และข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ เงินเฟ้อ พ.ย., PCE ต.ค. และตัวเลขภาคแรงงาน พ.ย. ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามรายชื่อผู้สมัครและนโยบายหลักแต่ละพรรค หลัง กกต. ประกาศวันเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 ก.พ. 2569 ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily Top Picks
BGRIM: มีปัจจัยกระตุ้นจากแนวโน้มการปรับลดลงของต้นทุนก๊าซฯ ดอกเบี้ยและได้อานิสงค์เงินบาทแข็ง ในขณะที่กําไรหลักใน 4Q68 คาดเติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY จากต้นทุนก๊าซฯ ที่ลดลงมากกว่าค่าไฟฟ้าที่ลด และคาดกำไรหลักยังโตต่อในปี 2569 อีก +24% จากความต้องการใช้ไฟเพิ่มตาม Data Center ราคาเป้าหมายสั้น 15.00 บาท
CPALL: ปัจจัยกระตุ้นจากเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบ ศก.ช่วงหาเสียงเลือกตั้งและคาดจะเป็นผู้ประกอบการรายเดียวในกลุ่มที่กำไรมีแนวโน้มเติบโต YoY ใน 4Q68 จากยอดขาย CVS แข็งแกร่งและมาร์จิ้น CVS กว้างขึ้น นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากการขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่ ธ.ค.นี้เป็นต้นไป เป้าหมายระยะสั้น 45.00 บาท