Market

เปิดดีลยักษ์ยูโอบีทุ่ม 1.2 แสนล้าน กวาดพอร์ตรายย่อยซิตี้แบงก์ในอาเซียน
14 ม.ค. 2565

จุดเปลี่ยนตลาดลูกค้ารายย่อยในไทย กำลังจะมีผู้เล่นรายใหญ่เกิดขึ้นในพริบตาอีกราย นั่นก็คือ ธนาคารยูโอบี (ประเทศไทย) หลังธนาคารแม่ “ยูโอบี สิงคโปร์” ประกาศดีลยักษ์ทุ่ม 1.2 แสนล้านบาท “ซื้อพอร์ตลูกค้ารายย่อย” 4 ประเทศในภูมิภาคอาเซียนจากซิตี้กรุ๊ป เอเซียแปซิฟิก  ซึ่งหนึ่งในนั้นมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย ถือเป็นดีลที่พลิกโผตลาดเคยคาดกันเมื่อปีที่แล้วว่าจะเป็นกลุ่มแม่ของธนาคารกรุงศรี คือ MUFG Bank จากญี่ปุ่น จะคว้าพอร์ตยักษ์นี้ไปได้ 

 

ต่อจากนี้ ย่างก้าวที่ใหญ่ของธนาคารยูโอบี (ประเทศไทย) กำลังสยายปีกครอบคลุมไปทุกผลิตภัณฑ์การเงินรายย่อยจากปัจจุบันที่เป็นแบงก์ขนาดกลางมีมีมูลค่าสินทรัพย์กว่า 5 แสนล้านบาท และมีบริษัทในเครือ อาทิ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ยูโอบี

 

และที่สำคัญ วันนี้ราคาหุ้นของบล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) หรือ UOBKH ในตลาดหุ้นไทย ปรับตัวเด้งแรงรับข่าวดีลยักษ์นี้  เช้านี้ติดอันดับ 1 ในกลุ่ม Top 10  Gain ที่ราคา 8.95 บาท/หุ้น บวก 2.05 บาท หรือ   29.71% ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นระยะๆตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่มาเห็นชัดเจนเมื่อช่วงเปิดต้นปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา ราคาเคลื่อนไหวบริเวณ 5.35 บาท จนเมื่อวันที่ 10 ม.ค. เด้งขึ้นมาแตะ 7.25 บาท เพิ่มขึ้นกว่า 27%จากราคาวันก่อนหน้า  ขณะที่ราคาหุ้น BAY อยู่ที่ 37.25 บาท (ปิดตลาดเช้า 14 ม.ค. ) ลดลง 1.25 บาท หรือ 3.25% จากวันก่อนหน้า 


สำหรับดีลยักษ์พอร์ตลูกค้ารายย่อยในครั้งนี้  Credit Suisse (Singapore) Limited เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับกลุ่มธนาคารยูโอบีในการเสนอซื้อกิจการนี้ และ Allen & Overy LLP (สิงคโปร์) เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย โดยธนาคารในเครือของกลุ่มธนาคารยูโอบี ได้ทำข้อตกลงเพื่อเข้าซื้อกิจการลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ป ซึ่งรวมถึงสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันและมีหลักประกัน ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และธุรกิจเงินฝากรายย่อย (ธุรกิจลูกค้ารายย่อย) ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม (การเสนอซื้อกิจการ) ที่มีมูลค่าสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาท  ( 96,000 ล้านบาท)บวกกับค่าพรีเมียมรวม 915 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (21,960 ล้านบาท) คิดรวมเป็นมูลค่าดีล 4,915 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (มูลค่า 117,960 แสนล้านบาท)

 

ทั้งนี้ ธุรกิจลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ปมีสินทรัพย์สุทธิรวมทั้งสิ้นประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และฐานลูกค้าราว 2.4 ล้านราย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 และมีรายได้ประมาณ 0.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 หากไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกรรมนี้ในครั้งเดียว การเสนอซื้อกิจการนี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของธนาคาร และผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ของธนาคารยูโอบีได้ทันที

 
การพิจารณาข้อเสนอเงินสดสำหรับการเสนอซื้อกิจการนี้จะคำนวณจากค่าพรีเมียมรวมซึ่งเทียบเท่ากับ 915 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ บวกกับมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของธุรกิจลูกค้ารายย่อยเมื่อการโอนย้ายกิจการเสร็จสมบูรณ์ ธนาคารยูโอบีจะใช้ทุนส่วนเกินของธนาคารเพื่อการเสนอซื้อกิจการครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะลดอัตราส่วนของเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Common Equity Tier 1 หรือ CET1) ของธนาคารลง 0.7% เป็น 12.8% ตามสถานะเงินทุน ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 ผลกระทบต่ออัตราส่วน CET1 คาดว่าจะมีไม่มากและจะยังอยู่ภายในข้อกำหนดด้านกฎระเบียบของหน่วยงานกำกับดูแล

 

มร.วี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า การเข้าซื้อพอร์ตรายย่อยของซิตี้กรุ๊ปใน 4 ประเทศนี้มีมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (1.2 แสนล้านบาท) หรือคิดเป็นสัดส่วน 1.2 เท่าของมูลค่าทางบัญชี  ถือเป็นมูลค่าที่เหมาะสม นับเป็นโอกาสครั้งใหญ่ที่มาถึงในเวลาที่เหมาะสม เพราะสอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตในระยะ 5 ปีของยูโอบี การซื้อกิจการนี้เมื่อรวมกับจำนวนผู้บริโภคของยูโอบีในภูมิภาค จะเป็นการรวมตัวที่ทรงพลังในการขยายธุรกิจของกลุ่มธนาคารยูโอบี และก้าวสู่ตำแหน่งธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาคได้อย่างรวดเร็ว

 

“ยูโอบีเชื่อในศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  จากการขยายฐานลูกค้าที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้น จะส่งผลต่อผลประกอบการที่ดีของธนาคาร โดยคาดว่า ROE จะเพิ่มขึ้นกว่า 12-13%ในปี 2566 จากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 10%  และจะมีอัตราเงินกองทุนขั้นที่ 1 ราว 13%”

 

สำหรับกลยุทธ์ธุรกิจรายย่อยของธนาคารยูโอบี ได้แก่ การเจาะกลุ่มลูกค้ามั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การรุกกลุ่มคนรุ่นใหม่ผ่าน UOB TMRW แพลตฟอร์มดิจิทัลของธนาคาร และให้บริการด้านการเงินผ่านช่องทางที่หลากหลาย (Omni-channel) เพื่อเพิ่มความมั่งคั่งอย่างต่อเนื่อง การเสนอซื้อกิจการนี้จะขยายเครือข่ายพันธมิตรของยูโอบีและเพิ่มขนาดธุรกิจลูกค้ารายย่อยในทั้งสี่ประเทศขึ้นเป็นสองเท่า เร่งให้บรรลุเป้าขยายฐานลูกค้าในภูมิภาคเร็วขึ้นถึง 5 ปี

 

มร.วี อี เชียง กล่าวถึงพอร์ตสินเชื่อรายย่อยของประเทศไทย ว่า ยูโอบีให้ความสำคัญค่อนข้างมาก เพราะเป็นพอร์ตที่เราให้ค่าพรีเมียมมากสุดใน 4 ประเทศ เราจะเน้นในผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตซึ่งเป็นพอร์ตที่มีคุณภาพ โดยจะสานผลิตภัณฑ์ของทั้ง 2 แบงก์เข้าด้วยการและนำมาสู่การเสนอ Cross Sale ในผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ต่อไป 

 

สำหรับขั้นตอนดำเนินการโอนย้ายพอร์ตนั้น   จะเป็นกระบวนการการเข้าซื้อกิจการในแต่ละประเทศ ซึ่งจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานกำกับดูแลธนาคารตามเงื่อนไขของแต่ละประเทศ รวมถึงประเทศสิงคโปร์ โดยคาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2565 ถึงต้นปี 2567 ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าและผลของกระบวนการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลธนาคาร ซิตี้กรุ๊ปจะทำงานร่วมกับยูโอบีและธนาคารในเครือ (รวมเรียกว่ากลุ่มธนาคารยูโอบี) อย่างใกล้ชิดเพื่อให้การโอนย้ายธุรกิจลูกค้ารายย่อย ทั้งในส่วนของลูกค้าและพนักงานเป็นไปอย่างราบรื่น

 
ในส่วนของพนักงานซิตี้กรุ๊ปที่อยู่ในธุรกิจลูกค้ารายย่อยมี ประมาณ 5,000 คน ซึ่งรวมถึงผู้บริหารระดับสูงและทีมงานมากประสบการณ์ ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อทำหน้าที่การเปลี่ยนถ่ายดูแลพนักงานทั้งซิตี้แบงก์และยูโอบี โดยขณะนี้ยังไม่มีแผนจะปลดพนักงานออกแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ซิตี้แบงก์จะทำหน้าที่ดูแลลูกค้าต่อเนื่อง โดยลูกค้าและพนักงานของซิตี้กรุ๊ป จะได้รับข้อมูลความคืบหน้าของการเสนอซื้อกิจการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

 

“เรามีวินัยและอดทนรอในการเสาะหาโอกาสที่ใช่เพื่อการเติบโตทางธุรกิจ ในระหว่างการรอความเห็นชอบจากหน่วยงานกำกับดูแลธนาคาร เรามุ่งหวังที่จะโอนย้ายพอร์ตโฟลิโอธุรกิจที่มีคุณภาพของซิตี้กรุ๊ป และเตรียมต้อนรับทีมงาน รวมถึงสร้างคุณค่าให้กับฐานลูกค้า พนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ ของเราที่ขยายใหญ่ขึ้น  การซื้อกิจการนี้เมื่อรวมกับจำนวนผู้บริโภคของยูโอบีในภูมิภาค จะเป็นการรวมตัวที่ทรงพลังในการขยายธุรกิจของกลุ่มธนาคารยูโอบี และก้าวสู่ตำแหน่งธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาคได้อย่างรวดเร็ว” มร.วี อี เชียง กล่าว 

 

มร.ปีเตอร์ บาเบจ ประธานกรรมการบริหาร ซิตี้ เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า "พวกเรารู้สึกยินดีที่ได้ประกาศธุรกรรมนี้กับ ยูโอบี สถาบันทางการเงินชั้นนำของเอเชีย เรามั่นใจว่าธนาคารยูโอบีซึ่งมีวัฒนธรรมที่เข้มแข็งและศักยภาพของเครือข่ายธนาคารในภูมิภาคนี้ จะมอบโอกาสอันยอดเยี่ยมและเป็นบ้านอันมั่นคงให้แก่เพื่อนพนักงานของธุรกิจกลุ่มลูกค้ารายย่อยในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม การดำเนินการทางธุรกิจในครั้งนี้ จะทำให้เราสามารถเพิ่มการลงทุนในยุทธศาสตร์ที่เรามุ่งเน้น ซึ่งรวมถึงเครือข่ายลูกค้าสถาบันของเราทั่วเอเชียแปซิฟิก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมที่สุดให้กับซิตี้”

 

หลังจากนี้ ลูกค้าซิตี้แบงก์ในไทยกำลังจะถูกเปลี่ยนผ่านไปอยู่ใต้ร่ม “ธนาคารยูโอบี (ประเทศไทย)”  กำลังเลื่อนชั้นขึ้นมามีขนาดใหญ่กว่าเดิม และลูกค้ารายย่อยเหล่านี้ จะกำลังจะถูกเชื่อมต่อไปยังบริการอื่นๆ กับบริษัทในเครือทั้งธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจกองทุนรวม ที่กำลังจะเติบโตเป็นเงาตามแบงก์แม่อย่างก้าวกระโดด

 


 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com