ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มแกว่งตัวแคบ จากปัจจัยความกังวลผลประชุมเฟดลด QE และธนาคารกลางอังกฤษขึ้นดอกเบี้ย เตือนนักเก็งกำไรระวังหุ้น Cash Balance เสี่ยงติดเกณฑ์ใหม่เข้มงวด

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (3 พ.ย. 2564) บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)  มีมุมมองว่า

เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยรีบาวด์เพียง 4.11 จุดเท่านั้น ที่ 1,617.89 จุด และมูลค่าการซื้อขายก็เบาบาง ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านก็บวกลบคละเคล้ากัน  วันนี้คาด SET Index แกว่งตัวแคบ กลยุทธลงทุน “เล่นสั้น”  และเก็งกำไรหากอยู่แดนบวก  ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวแนวรับที่ 1,610 จุด ถัดไปที่ 1,600 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,620-1,630 จุด

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้น

-ปัจจัยต่างประเทศที่ตลาดกังวล ได้แก่

1 ผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการประชุม หากในที่สุดเฟดลด QE เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ เริ่ม พ.ย. 2564 จนจบกลางปี 2565 สิ่งที่จะเกิดตามมาคือ การปรับขึ้นดอกเบี้ยเฟด ขณะที่บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐ ลดลงเล็กน้อยที่ 1.5523% ส่วนดัชนีดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น กระทบต่อเงินบาทไทยอ่อนค่าลง

2 วันที่ 4 พ.ย. นี้ ธนาคารกลางอังกฤษประชุมพิจารณาการปรับดอกเบี้ยนโยบาย ที่อาจจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ย  

3 การประชุมโอเปกพลัส 4 พ.ย. นี้เช่นกัน คาดจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนธ.ค.

-ปัจจัยในประเทศ

1 งบการเงิน Q 3 ของบริษัทจดทะเบียนไทย ที่กำไรจะประกาศนี้ ส่วนใหญ่ไม่สดใส เพราะอยู่ในช่วงล็อกดาวน์เข้มงวด

2 ศบค. ใช้เวลา 15 วันนับ หรือราวกลางเดือน พ.ย. นี้ ประเมินผลการเปิดประเทศและอาจเปิดสถานบันเทิงเร็วขึ้น และคาดว่าช่วง 2 เดือนท้ายปีนี้ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 6 แสนคน ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่อยู่ระดับทรงตัว

3 ตลาดหลักทรัพย์กำลังทำเฮียริ่ง “Cash Balance” เข้มขึ้น เพื่อลดแรงเก็งกำไรหุ้นเล็ก น่าจะชัดเจนในวันที่ 12 พ.ย. นี้

สำหรับหุ้นที่แนะนำ

-SCB ยังมีโมเมนตัมดี มีโอกาสไปต่อจากข่าวเข้าไปถือหุ้นบิทคับ ด้วยเงินลงทุนสูง 1.79 หมื่นล้านบาท แม้ว่าจะส่งผลกำไรกลับมา SCB ไม่มากก็ตาม แต่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นธุรกิจที่มีอนาคตตามเทรนด์โลก

-เตือนช่วงนี้ระวังหุ้นติด Cash Balance บ่อยๆ เช่น BIG, CRD, PPS, HPT, SVT, WIN, BROOK, AJA,SANKO, U มีโอกาสสูงจะถูกใช้เกณฑ์ใหม่ Cash Balance ที่กำลังจะออกมาเร็วๆนี้

Stock PICK หุ้น TEAM  ปีทองของธุรกิจ ลูกค้ามีคำสั่งซื้อเข้ามามาก เพราะวัตถุดิบชิปขาดแคลน และความต้องการสินค้ามีสูงตามภาวะอุตสาหกรรม คือ วงจรอิล็กทรอนิกส์(PCBA) และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำเร็จรูป คาดกำไรครึ่งปีหลังนี้จะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้ 189 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่ขาดทุน และปีหน้าเติบโต 10% ทำนิวไฮ ส่วนมูลค่าหุ้นถูกกว่ากลุ่ม โดย P/E P/BV ปีนี้ อยู่ที่ 14.5 เท่า และ 2.8 เท่า ราคาพื้นฐานหุ้นที่ 5.86 บาท ด้วย P2E ปีหน้าที่ 18 เท่า