ZIGA พาสื่อชมเหมืองขุดบิทคอยน์ ทุ่มเงินอีก 200 ล้าน ขยายเหมืองเฟส 3 เตรียมซื้อเครื่องขุดอีกกว่า 200 เครื่อง เตรียมจับมือพันธมิตรด้านพลังงานไฟฟ้าเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย ลงทุนอีกเป็นหมื่นเครื่อง เผยธุรกิจขุดบิทคอยน์เป็นแค่จุดเริ่มต้น คิดใหญ่เล็งทรานส์ฟอร์มเป็นเทคคัมปะนี ระดมทุนในตลาดหุ้นแนสแดค
นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ ZIGA เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้ลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ ผ่าน บริษัท ซิก้า เอฟซี จำกัด ซึ่งบริษัทย่อย เฟสแรก 200 เครื่อง และเฟส 2 อีกจำนวน 200 เครื่อง ซึ่งมีการส่งมอบและติดตั้งแล้วเมื่อเดือนมีนาคม ที่สำนักงาน ซิกาเอฟซี สุขสวัสดิ์ ทำให้ปัจจุบันมีเครื่องขุดจำนวน 400 เครื่อง และเริ่มมีรับรายได้จากการขุดบิทคอยน์ ในไตรมาส 1 ปีนี้
"ในไตรมาส 4 ปี 2564 ZIGA รับรู้รายได้ จากบริษัท ซิก้า เอฟซี ที่ทำธุรกิจขุดคริปโตเคอร์เรนซี โดยได้บันทึกรับรู้รายได้อื่นในงบการเงินแล้วเป็นจำนวน 0.67 ล้านบาท"
รายได้ที่ดีจากธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ บริษัทจึงมีแผนจะขยายเหมืองขุดเพิ่มเติมในเฟส 3 โดยได้ยื่นก.ล.ต.ออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบันหรือผู้ลงทุนรายใหญ่ วงเงิน 400 ล้านบาท อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 6.25% และจะนำเงินที่ได้ ไปลงทุนซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์อีกกว่า 200 เครื่อง คาดว่าจะดำเนินการติดตั้งแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาสที่ 2 หรือ ต้นไตรมาสที่ 3 ปีนี้ เพราะเชื่อมั่นว่าในอนาคตเทคโนโลยีในสินทรัพย์ดิจิทัล จะมีบทบาทสำคัญในโลกการเงินการลงทุน
"หลายคนมองว่า เหรียญบิทคอยน์เหลือแค่ 2 ล้านเหรียญ โอกาสในการขุดยากขึ้น แต่ในมุมของบริษัท มองในแง่ของมูลค่าของเหรียญที่ทุกคนมองเหมือนกัน คือ แนวโน้มในอนาคตมูลค่าจะสูงขึ้น นั่นคือ สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจขยายเหมืองขุด"
และในอนาคตมีแผนจะขยายเหมืองขุดถึงระดับ 10,000 เครื่อง ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล โดยจะจับมือกับพันธมิตรรายใหญ่ ซึ่งทำธุรกิจด้านพลังงานรายใหญ่ในประเทศ เพื่อร่วมลงทุนในโครงการนี้ เพราะธุรกิจขุดเหมืองบิทคอยน์ จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการรันเครื่องขุด ซึ่งถือเป็นต้นทุนทางธุรกิจที่ค่อนข้างสูง
นายศุภกิจ กล่าวว่า การลงทุนในธุรกิจขุดเหมืองบิทคอยน์ จริงๆ แล้วเป็นเพียงก้าวแรก ในการก้าวสู่การเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี หรือ "นวตกรรมธุรกิจ" โดยบริษัทมีแผนขยายการลงทุนในธุรกิจด้านเมตาเวิร์ส รวมทั้งสร้างเกมที่แฝงผลิตภัณฑ์ของบริษัท เข้าไปอยู่ในเกม ซึ่งจะสามารถต่อยอดสร้างโอกาสเติบโต เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจได้อีกจำนวนมาก
"การลงทุนในธุรกิจขุดเหมืองบิทคอยน์ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการก้าวสู่การเป็นเทคคัมปะนี ซึ่งเรากำลังนำธุรกิจเคลื่อนเข้าสู่น่านน้ำสีคราม (Blue Ocean) นั้นคือพื้นที่ของตลาดที่ยังไม่ใครจับจอง และมีคู่แข่งน้อย ซึ่งเราจะลงทุนในธุรกิจด้านเมตาเวิร์ส รวมทั้งสร้างเกมที่ แฝงผลิตภัณฑ์ของบริษัท เข้าไปอยู่ในเกม ซึ่งจะเป็นโอกาสทำเงินมหาศาล หรือเป็น New S-Curve ใหม่ของบริษัทฯ "
การก้าวสู่การเป็นเทคคัมปะนี ทำให้บริษัทมีแผนจะระดมทุนในตลาดหุ้นแนสแดค ของสหรัฐอเมริกาในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทในประเทศไทย ที่ระดมทุนในตลาดหุ้นแนสแดค คือ บริษัท Arogo Capital Acquisition Crop. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ZIGA ได้ตั้งบริษัทด้านเทคคัมปะนีขึ้นมา 2 บริษัท คือ บริษัท เมอร์ลินตั้น อินโนเวชั่น จำกัด เพื่อการลงทุนและพัฒนาธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับ DigitalTechnology และบริษัท วิสเดน กรุ๊ป จำกัด เพื่อการลงทุนธุรกิจที่ให้บริการทางการเงินที่นำเอาเทคโนโลยี มาประยุกต์ใช้ (Financial Technology หรือ FinTech) และทดลองและพัฒนานวัตกรรมทางการเงิน และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพัฒนาและบริหารผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ซึ่งบริษัทจะพัฒนาเทคโนโลยีผ่าน 2 บริษัทย่อยดังกล่าวเพื่อนำร่องในการทรานสฟอร์มธุรกิจเข้าสู่โหมดเทคโนโลยีอย่างเต็มตัว
นายศุภกิจ กล่าวว่า การหันมารุกธุรกิจด้านเทคคัมปะนี จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทฯ มีฐานรายได้ใหม่เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง บวกกับราคาเหล็กที่แพงขึ้น ทำให้คาดว่าในปีนี้รายได้ของบริษัท จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างคาดไม่ถึง และในอนาคตหากเป็นไปตามแผนธุรกิจที่วางไว้ ทำให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทจะเปลี่ยนไป ซึ่งจะมากกว่าธุรกิจเหล็กโครงสร้าง Pre-zinc ที่เป็น Core Business ในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่ทิ้งธุรกิจท่อเหล็ก เพราะยังมีแนวโน้มที่ดี